ทุกๆ ปี แขกผู้มาเยือนสวนประดู่ป่า นอกจากนกอพยพขาประจำ เช่น นกแซงแซวสีเทา นกจับแมลงคอแดง นกอีเสือ
นกเป็ดน้ำ ยังมีตัวต่อ เป็นต่อหัวเสือ
มาทำรังเลี้ยงลูกอยู่ที่สวนประดู่ป่า
ที่จำได้มาแล้วถึง 3 ครั้ง
ทุกครั้งอยู่เกือบปีแล้วก็จากไป
ส่วนใหญ่จากไปราวเดือนตุลาคม เมื่อต่อหัวเสือมาทำรังทุกคนต่างกังวลถึงความปลอดภัย และกลัวอันตรายจากเหล็กในของต่อหัวเสือ ซึ่งอาจหมายถึงชีวิตได้เมื่อถูกต่อย 3-4 ตัว จึงคอยระวัง ห้ามปรามเด็ก อย่ามาใกล้และอย่ารังแกรังต่อหัวเสือโดยเด็ดขาด
ต่อหัวเสือเป็นสัตว์ที่รักความสงบ ที่มาทำรังอยู่ด้วยถึง 3
ครั้งไม่เคยต่อยใครเลย แม้ทำรังอยู่บนต้นไม้ใกล้บ้าน เขาอาจหวังให้มนุษย์คุ้มครองรังที่พวกเขาเลี้ยงลูก เวลาหากิน ต่อหัวเสือบินไปหากินไกลๆ เพื่อหาหนอน แมลงมาเก็บไว้ในแคปซูลให้ตัวอ่อน
เมื่อเดือนตุลาคมปีนี้ ต่อหัวเสือที่ทำรังได้บินจากไป ตัวต่อบางส่วนยังเหลืออยู่ในรัง พอฝนตก รังต่อหัวเสือตกลงมาที่พื้นดิน มีตัวต่ออยู่ในรังสิบยี่สิบตัว อยู่อีก 1-2 วัน ทุกตัวก็บินจากไป
ซากรังดูเป็นดินที่น่าจะเป็นปุ๋ยให้ต้นไม้ได้ดี ด้วยความอยากรู้จึงนำรังต่อหัวเสือมาใส่ใต้ต้นรำแพนไม้น้ำที่ปลูกไว้ในกระถาง เมื่อรังต่อแช่น้ำ สิ่งที่ปรากฏคือน้ำในอ่างกลายเป็นน้ำขี้ควาย กลิ่นคละคลุ้งอยู่ต่อมาอีก 1 สัปดาห์
ต้นรำแพนก็มีอันต้องจากไปเสียแล้ว
จากสิ่งที่พบโดยไม่ตั้งใจ กลับเป็นสิ่งที่บอกให้รู้ว่า ทำไมต่อหัวเสือจึงมาทำรังอยู่บริเวณสวนประดู่ป่า เพราะที่ใกล้ๆ นี้ชาวบ้านเลี้ยงควายไว้ประมาณ 20-30 ตัว
และตากขี้ควาย ขายเป็นปุ๋ยอินทรีย์
ตัวต่อหัวเสืออาศัยขี้ควายมาเป็นส่วนผสมในการทำรังนั้นเอง ในทางกลับกัน
ถ้าไม่มีขี้ควายต่อหัวเสือก็ไม่ไปทำรังอยู่ด้วย ใช่หรือไม่
ช่วยกันหาคำตอบดูนะแล้วจะรู้ว่าธรรมชาติล้วนพึ่งพาซึ่งกันและกัน