วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 07, 2551

งานคือชีวิต

เมื่อชีวิตเราอุบัติขึ้นสิ่งที่ตามมาคือ งาน (work) การเต้นของหัวใจ ลมหายใจ
การเคลื่อนไหวคือ งาน ถ้าชีวิตปราศจากงาน คือ ชีวิตที่ตายแล้ว........
ขอให้สำนึกว่า เราต้องทำงาน การทำงานจะต้องออกมาจากจิตใจ เป็นสิ่งเร้าที่
เกิดขึ้นภายใน เป็นความตื่นตัว....ตระหนัก...สำนึก...ที่จะทำงาน เพราะงานจะทำให้ชีวิตเรายังคงอยู่
ความซื่อตรงต่องาน...ใครไม่สามารถสั่งเราได้ เพราะงานคือชีวิตของเรา เราต้องสั่งเอง...
ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตเรา และผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรา
วันนี้...เรายังมีลมหายใจอยู่ เราต้องทำงาน ต้องรับผิดชอบต่องาน คุณค่าของชีวิตเราอยู่ที่คุณค่าของการทำงาน
“คุณค่าของงานคือคุณค่าของชีวิต”

พะยูง




ปี พ.ศ.2550 มีรายงานสถานการณ์ไม้พะยูงในประเทศไทยเหลือประมาณ 120,000 ต้น ฟังแล้วใจหาย....ถ้าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่นาน ไม้พะยูงอาจสูญพันธุ์ได้.....ไม้พะยูงเป็นไม้เนื้อแข็งอาจกล่าวได้ว่าเป็นไม้ที่มีความแข็งที่สุดก็ว่าได้..พะยูงมีลักษณะคล้ายประดู่หรือชิงชันลักษณะลำต้นไม่ตั้งตรง....กิ่งอาจเอียงไปเอียงมา..เมื่อนำมาเลื่อยจะได้เนื้อไม้ไม่ยาว....โดยทั่วไปจะยาวไม่เกิน 3 เมตร......ไม้พะยูงเคยมีเป็นจำนวนมากในป่าบริเวณจังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศีรษะเกษ........ความเชื่อของคนในท้องถิ่นเชื่อว่าไม้พะยูงเป็นไม้ของเจ้า..ของนาย.......ประชาชนคนธรรมดานำมาใช้ไม่ได้.....ด้วยความเชื่อเช่นนี้ทำให้ข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่ไปอยู่ในสามจังหวัดมีข้าวของเครื่องใช้ล้วนแล้วแต่ทำจากไม้พะยูงทั้งสิ้น....รวมทั้งตัวเรา.....กว่าจะตระหนักก็เกือบสายเกินไป.....ขอเป็นโจรกลับใจหันกลับมาปลูกไม้พะยูงทดแทน......ณ วันนี้สถานการณ์ไม้พะยูงเริ่มดีขึ้น...พบว่ามีไม้พะยูงเพิ่มขึ้นเป็น 120,049 ต้น......49 ต้นที่เพิ่มอยู่ในสวนที่เราปลูกด้วยความรักและความสำนึกผิด

wrist band

ริสท์แบน(wrist band)

เมืองพูคูน เป็นเมืองที่จอแจไปด้วยผู้คนทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติ ที่จริงแล้วพูคูนไม่ใช่เมืองใหญ่อะไรของลาว เพียงแต่เป็นเมืองที่มีถนนสามสายมาบรรจบกัน สายหนึ่งมาจากเวียงจันทน์ สายหนึ่งมาจากหลวงพระบาง และอีกสายมาจากเชียงขวาง.........เสียงเด็กน้อยหญิงชายร้องขายข้าวโพดต้มเป็นภาษาไทยชัดแจ๋ว....นั่งรถตู้ตามถนนคดโค้งมาครึ่งวันแล้วจากเชียงขวาง.... แวะพูคูนหาอะไรร้อนๆกินน่าจะดี.....แก้คลื่นไส้...พอจอดรถ...เด็กน้อยเจ้าตัวเล็กที่ร้องขายข้าวโพดต้มรีบตรงเข้ามาหา......มือขวาหิ้วกระติกข้าวโพดต้มควันกรุ่นๆปากก็พูดแนะนำตัวเอง..ผมชื่อโก้...ท้าวโก้....อายุ 8-9ปีครับ เด็ก เป็นท้าวได้รึ...ได้ครับ....ชื่อผมเขียนอย่างนี้ ว่าแล้วก็หากระดาษทิชชูมาเขียนชื่อตัวเอง...เป็นภาษาลาว... ทำไมหนูพูดภาษาไทยชัดจัง..คนไทยมาเที่ยวบ่อยผมก็ดูทีวีจากประเทศไทยทุกช่อง....คุณตาไปร้านนั้นซิ...จะได้ซื้อของไปฝากคุณยายด้วย.....คุณตาเที่ยวให้สนุกนะครับ.......เด็กคนนี้ฉลาดมาก...ในอนาคตเขาอาจเป็นผู้นำประเทศได้.....ท้าวโก้ตาจะให้ ริสท์แบน(wrist band)หนู หนึ่งเส้น เส้นนี้หมายถึงความรักที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีต่อคนไทย หนูจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกได้ไหม...ผมจะเก็บไว้เป็นสิบปีเลยครับ.......แม้เราจะกลับมาถึงประเทศไทยหลายเดือนแล้ว...แต่ก็อดคิดถึงท้าวโก้ไม่ได้ซะที...........รำพึงกับตัวเองว่า.....จะมีวันใดหนอที่เราจะมีโอกาส.......ตามหาริสท์แบนเส้นนั้นอีก

วันพุธ, กุมภาพันธ์ 06, 2551

ยะมิง....ยอดนักบริหารท้องถิ่น

ยะมิง..ยอดนักบริหารท้องถิ่น ยะมิง ......เป็นผู้บริหารท้องถิ่นในภาคใต้ของประเทศไทย ยะมิงไม่จบชั้น ป. 2 แต่ยะมิงเรียนรู้การอ่านคัมภีร์อัลกุลาอ่านตั้งแต่ยะมิงจำความได้...ยะมิงเป็นผู้บริหารท้องถิ่นมาตลอดกว่า 30 ปี ตอนนี้ยะมิงอายุ 62 ปีแล้ว......ถามว่าทำไมชาวบ้านจึงเลือกยะมิงมาโดยตลอด...ทั้งที่ ป.2 ก็ไม่จบ เจ๊โสงน้องสาวคนสุดท้องเคยถามยะมิงว่าทำไมพี่ไม่ทำถนนลาดยางหน้าบ้านเราซะที.....คำตอบ...ของพี่ชายคือ..พี่ทำให้คนอื่นก่อนคนอื่นเขาจะได้มีความสุข...เมื่อเขามีความสุขพี่ก็มีความสุขด้วย...ด้วยเหตุนี้แหละชาวบ้านเขาจึงเลือกพี่มาตลอด...เจ๊โสง สงสัยความสุขของพี่ชายอยู่ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารท้องถิ่นมากกว่าการมีถนนลาดยางสำหรับเดินทางที่สะดวก.....สงสัยชาตินี้บ้านเราไม่มีถนนลาดยางใช้แน่ๆ

วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 05, 2551

คำเตือนจากแพะ

ความทรงจำในวัยเยาว์ของเด็กหญิง....เจ๊โสง เด็กน้อยชาวมุสลิมที่เกิดมาพร้อมเสียงคลื่น..เรือประมงและกลิ่นปลาทะเล..ที่มีต่อเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต..วันนั้นเป็นวันที่คลื่นลมสงบนิ่งผิดปกติ..ฟ้าแดงอ่อน..ยอดมะพร้าวที่ขึ้นริมหาดใกล้บ้านไม่ไหวติง....เวลาเพิ่งบ่ายคล้อย....ไก่ที่เลิ้ยงไว้พากันกลับเข้าเล้าก่อนเวลาที่เคยเป็น....แพะเป็นฝูงที่ชาวมุสลิมเลี้ยงพากันร้องเสียงดัง...และวิ่ง ขึ้นไปที่สูง........พ่อของเจ๊โสงบอกลูกทั้งหญิงชายตัวเล็กๆทั้ง 12 คนเมื่อพาขึ้นเรือว่า.......คำเตือนจากแพะบอกให้เรารู้ว่าในไม่ช้าจะเกิดมรสุมที่รุนแรง.....จากนั้นพ่อก็ขับเรือหางยาวบรรทุกลูกไปริมทะล ระยะทาง ประมาณ 7-8 กิโลเมตรไปหลบลมที่ ที่ว่าการอำเภอเทพา....ที่อำเภอมีฝนตกหนัก ลมไม่แรง...หนึ่งถึงสองชั่วโมงต่อมาเมื่อลมสงบพ่อพาเจ๊โสงกลับบ้าน...เจ๊โสงพบว่า...ชายหาดหายไปทั้งหมดพร้อมกับต้นมะพร้าว..บ้านพังไปบางส่วน...แพะกลับมาที่บ้านไม่เป็นไร...เจ๊โสงคิดในใจ....นี่ถ้าแพะไม่เตือนภัยเราก่อนคงอันตรายแน่ๆ