วันอังคาร, ตุลาคม 28, 2551

ปราสาทเขาน้อยสีชมพู


วันนี้ (27 ตุลาคม 2551) ได้ไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ที่จัดว่ามีความสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ที่สุด มีจารึกการก่อสร้างตรงกับปีพุทธศักราช 1180 พุทธสถานนั้นคือ “ปราสาทเขาน้อยสีชมพู” ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ไม่สูงนัก ณ ตำบลคลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ในคราวที่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสระแก้ว ณ วันที่ 1ธันวาคม 2536 นั้น ชาวจังหวัดสระแก้ว ได้นำเอาภาพพุทธสถานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสระแก้ว ในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของพุทธสถานแห่งนี้มองได้หลายมุม ถ้ามองลักษณะภูมิประเทศพื้นที่โดยรอบมีป่าไม้ ร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ที่สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ตัวปราสาทมีลักษณะเป็นขั้นกว้างให้ก้าวเดินได้ 2-3 ก้าว และก้าวขึ้นไปขั้นต่อไปเตี้ยๆ ทำให้เดินแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย เด็กหรือผู้สูงอายุเดินได้สบายๆ เมื่อขึ้นไปถึงมองเห็นตัวปราสาทรูปทรงคล้ายพระปรางค์สามยอดที่จังหวัดลพบุรี แต่ที่ปราสาทเขาน้อยสีชมพูเหลือเพียงปราสาทองค์กลางเท่านั้นปราสาทองค์ซ้ายและขวาชำรุด ปรากฏเพียงฐานและร่องรอยที่เป็นทับหลังหินทรายตกอยู่ องค์ปราสาทถูกสร้างด้วยอิฐสีชมพู หากสังเกตอย่างละเอียดแล้วจะเห็นความประณีตของการวางอิฐที่ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการซ้อนอิฐให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักอย่างสมดุลซึ่งคนโบราณสร้างให้อยู่เพื่อลูกหลานได้เห็น ถ้านับเวลาถึงปัจจุบันปราสาทเขาน้อยสีชมพูมีอายุกว่า 1371 ปีแล้ว

สรุปว่า ปราสาทเขาน้อยสีชมพูนับเป็นมรดกทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าเพื่อการศึกษาเรียนรู้ของมนุษย์ชาติทุกคน

วันจันทร์, ตุลาคม 13, 2551

หล่อหลวงปู่ทองคำ สด จนฺทสโร


ความศรัทธาที่มหาชนมีต่อหลวงปู่วัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) พระมงคลเทพมุนีผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนั้นเห็นได้จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นวันซึ่งลูกศิษย์ หลานศิษย์ ร่วมใจกันหล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ ด้วยทองคำบริสุทธิ์ ขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง มหาชนหลั่งไหลไปร่วมพิธี ณ วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากทั่วประเทศ รวมทั้งจากต่างประเทศทั่วโลกประมาณกันว่าในวันนั้นมีผู้ศรัทธามาร่วมบุญเกือบหนึ่งล้านคน
หากถามว่า...เพราะเหตุใดผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างอาชีพ ต่างฐานะ ต่างการศึกษา จึงมารวมกันได้ด้วยแรงศรัทธามากถึงขนาดนั้น คำตอบที่ได้รับคือ...ทุกผู้คนที่ศรัทธาต่างก็ได้รับความสุขที่แท้จริงจากการได้อยู่ในบรรยากาศแห่งกัลยาณมิตรของผู้คน ความมีระเบียบ เรียบร้อย ความสะอาด การต้อนรับที่เต็มด้วยไมตรี เหนืออื่นใดทั้งสิ้น คือ ความสุขจากการได้ปฏิบัติธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) หลานศิษย์ของหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านเมตตาสอนตามแนวทางวิชชาธรรมกายมาโดยตลอดกว่า 40 ปี ทุกคนจึงรักหลวงพ่อที่ท่านมีแต่เมตตาเป็นผู้ให้ เมื่อหลวงพ่อตั้งความปรารถนาจะหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยความกตัญญู ศิษย์ทุกคนจึงทุ่มเทด้วยชีวิตดังภาพที่ปรากฏเป็นอัศจรรย์ในวันนั้น

น้ำไหลใต้รางที่ปางสีดา


หลายปีที่ผ่านมา รางน้ำที่ทำด้วยปูนซีเมนต์ ข้างถนนลาดยางซึ่งทอดขึ้นไปยังน้ำตกปางสีดาเคยเป็นทางไหลของน้ำใสสะอาดจากต้นน้ำตกลงไปหล่อเลี้ยงพืชผลในส่วนล่างของอุทยานตลอดมา ฤดูฝนปีนี้เกิดความผิดปกติน้ำที่เคยไหลบนรางกลับไหลอยู่ใต้รางเสียงดังก้อง... ผลที่ตามมาคือบนรางปูนซีเมนต์ไม่มีน้ำใสอย่างเคยแม้แต่หยด ใต้รางปูนซีเมนต์ถูกกัดเซาะเป็นโพรง ระยะทางยาวกว่าสี่ห้าร้อยเมตร บางช่วงรางปูนซีเมนต์ถูกน้ำดันยกขึ้นพังเสียหาย ซึ่งความจริงแล้วการสูญเสียเกิดขึ้นกับรางน้ำทั้งหมด

ถามว่า อะไรเกิดขึ้นกับรางน้ำ... หากคำตอบ ตอบว่า หญ้าข้างรางน้ำยาวเกินไป ทำให้มองไม่เห็นการกัดเซาะของน้ำที่ไหลมาจากเชิงเขารอดผ่านลงไปใต้ราง จากร่องเล็กแล้วขยายขนาดเพิ่มขึ้น เมื่อไม่ได้ดูแลซ่อมแซมจึงเป็นเหตุให้เกิดน้ำไหลใต้รางใช่หรือไม่...

หากเป็นเช่นนี้จริง อุทาหรณ์ น้ำไหลใต้รางในครั้งนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภารกิจการงานขององค์กร หากว่าบุคลากรต่างทำงานไปคนละทิศ คนละทาง ผู้บริหารขาดการสอดส่องดูแล ผลที่ตามมานอกจากผลลัพธ์
ที่ควรได้กลับไม่ได้แล้ว อาจเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลดังเหตุการณ์ “น้ำไหลใต้รางที่ปางสีดา” ในครั้งนี้

เขาคือใคร


ยามเจ้าวัยเยาว์เจ้าจะคืบเจ้าจะคลานไปแห่งหนตำบลไหนใครต่อใครเขาเห็นเจ้า เขาก็เกลียดเขาก็กลัวทำท่าขยะแขยงหลีกลี้หนี้ห่างต่างร้องบอกต่อๆกันว่า “หนอน หนอน หนอน” เขาช่างเกลียดช่างกลัวเรากะไรเช่นนี้ น้ำตาซึมพาตัวไปซุกไปซ่อนกำบังกายถักทอเส้นใยเป็นเกราะห่อหุ้มตัว ทั้งกลัวภัย ทั้งอับอาย… ไม่มีใครเขาเมตตา
นอนนิ่งคิดนึกน้อยเนื้อต่ำใจ จะทำเช่นไรในชีวิต จะซ่อนตัวอับอายเช่นนี้หรือจะออกไปสู่โลกกว้างสู้ความจริง แม่เคยบอกเราว่า “แท้ที่จริงแล้วเราทั้งสวยทั้งสง่างาม ร่าเริงสดใสเมื่อเราโผผินบินไปในท้องนภา” แต่เราไม่รู้ว่าที่แม่พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่
แล้ววันหนึ่งเรารู้สึกตัวว่าเกราะที่อบอุ่นของเราคับแคบและอึดอัด หรือว่าเราตัวโตขึ้น… เมื่อดันเกราะที่เคยห่อหุ้มให้หลุดพ้นไป ร่างกายเราปรากฏเป็นดั่งที่แม่เคยบอกไว้… เราทั้งสวยทั้งสง่างามเราบินได้ด้วย มีผู้คนมากมายยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพบเห็นเราโผผินบินไปในโลกกว้าง เขาเหล่านั้นต่างก็พูดว่า “สวยจังเลยผีเสื้อตัวนี้”

คำสอนแม่ฉัน

พอจำความได้ก็รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ ที่แม่แบ่งให้ทำตามกำลัง น้องตัวเล็กก็จะกวาดบ้านถูบ้าน น้องโตขึ้นมาหน่อยก็ทำกับข้าวหุงข้าวนึ่งข้าว ส่วนตัวเราพี่คนโตรับภาระทุกอย่างจากแม่ แม่มีวิธีสอนลูก แม่จะพาทำงานและสอนงานไป มือก็ทำปากก็พูด ไม่เพียงแต่สอนงานที่ทำด้วยแรงกายเท่านั้น แม่ยังมีวิธีกระตุ้นแรงความคิดให้มุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรค แม่จะพูดว่า “แม่เป็น ผู้พลาดโอกาส สมัยแม่เป็นเด็กแม่เรียนหนังสือเก่งไม่เคยสอบได้ที่สองเลยต้องเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง แต่แม่ไม่สามารถเรียนต่อได้เพราะครอบครัวยากจน ประกอบกับเกิดภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ตากับยายไม่ให้แม่เรียนแม่ร้องไห้อยู่หลายวัน… ขอให้ลูกทุกคนตั้งใจเรียนให้สูงที่สุดช่วยสานฝันของแม่ให้เป็นจริง…”
ลูกทุกคนนอนห้าทุ่มตื่นตีสามช่วยแม่ค้าขาย เป็นอีกช่องทางรายได้ช่วยรายได้ประจำของพ่อ ซึ่งต้องไปทำงานในที่ห่างไกล คำสอนและความตั้งใจของแม่เป็นแรงบันดาลใจให้เราฟันฝ่าอุปสรรคมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถือว่า “ความสำเร็จในชีวิตมาจากคำสอนของแม่ฉัน”