![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnfsWpBnvBOd4b5j3YFcnHkGDZqVyjYWC5s6cIDl4Yfv8GffPyC_XS8DsBiZ3_UtiKHfckrObrgBqiQdLwSbkJ0XvC3gARWzVcSWeed_AlXtxhA0UrrTfHLyavvYwPtspmWK6w/s320/IMG_7560.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEikxLFmfx31mXrcr0pqmfkhNBIGaj85p2ihN-YB00tUB0xvD94Iz7eFKPm6Epn7a8iHICSgWlc0ddQziKgSuGgDOSHcjyfWhDCrjmMiTyTNV3LJWnSKRuBQyCLE9EVjkXeUftaI/s320/IMG_7557.jpg)
กระจูด เป็น “กก” ชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lepironia articalata ลำต้นกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 2-3 มิลลิเมตร (ขนาดก้านไม้ขีดไฟ) สูงได้ประมาณ 2 เมตร เมื่อดิบมีสีเขียว ตากแห้งเป็นสีเสื่อ โดยทั่วไป สามารถย้อมให้มีสีต่าง ๆ ได้ กระจูดชอบขึ้นอยู่บริเวณป่าพรุที่มีน้ำขัง มีเศษซากพืชทับถมมาเป็นเวลานาน เราสามารถพบกระจูดได้ในภาคใต้ของประเทศไทย เช่นจังหวัด นราธิวาส พัทลุง สุราษฎร์ธานี สงขลา คนไทยรู้จักนำกกกระจูดมาทำเสื่อใช้นานแล้ว ปัจจุบันการทอกระจูดถูกพัฒนา ลวดลาย สีสันให้ดูสวยงาม นอกจากการทอเสื่อแล้ว ยังสามารถนำกระจูดมาสานเป็น กระเป๋า ทำเชือก และผลิตภัณฑ์อื่นได้ ภาพกระจูดที่เห็นเป็นมัดกระจูดที่ชาวบ้านเก็บมาจากป่าพรุบริเวณก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษานราธิวาส ถ่ายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2554
อ้างอิง http://th.wikipedia.org/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น