วันจันทร์, ธันวาคม 04, 2549
ภาวะผู้นำของนกปากห่าง
วันหนึ่งขณะที่ขับรถผ่านทุ่งกว้างจากอำเภอบางปะหันจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะไปอ่างทอง…..ขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า..พบปรากฏการณ์หนึ่งคือการเดินทางของฝูงนกปากห่างซึ่งเป็นการบินที่สวยงาม นกปากห่างนับร้อยนับพันบินคล้ายหัวลูกศร..ตัวที่บินนำสุดจะผลัดเปลี่ยนกันบินนำเป็นระยะๆ....มีการทำงานเป็นทีมอย่างน่าอัศจรรย์....แปลกใจทำไมแม้แต่นกยังรู้ว่า....ภาวะผู้นำมีอยู่ในตัวของเขา...เขาควรจะนำหรือควรจะตามในโอกาสเช่นไร...ผิดกับความเป็นจริงในสังคม...ผู้คนไม่เข้าใจคำว่าภาวะผู้นำ...สงสัยต้องคุยกับนกปากห่างเสียละนะ
การลงแขกเป็นวัฒนธรรมทางธรรมชาติ
บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีนกเงือกชนิดหนึ่ง ชื่อว่า นกเงือกสีน้ำตาล(brown hornbill) เป็นนกขนาดใหญ่มีสายพันธุ์จากนกดึกดำบรรพ์ที่คงรูปร่างโบราณอยู่ นิสัยทำรังในโพรงไม้ต้นขนาดใหญ่ เช่น ต้นยาง มีนักวิจัยมูลนิธิวิจัยนกเงือกพบพฤติกรรมบางอย่างของนกเงือกสีน้ำตาลคือ เมื่อแม่นกเงือกสีน้ำตาลเลี้ยงลูกน้อยอยู่ในโพรง พ่อนกเงือกจะหาอาหารมาเลี้ยงลูกและแม่ไม่พอเพียง จะมีนกเงือกสีน้ำตาลตัวอื่นช่วยหาอาหารมารออยู่ การป้อนอาหารเป็นหน้าที่ของพ่อนกเท่านั้นแม่นกจะไม่รับอาหารจากนกตัวอื่นๆ พฤติกรรมแบบนี้ภาษาคนไทยโบราณเรียกว่า”การลงแขก” ไม่น่าเชื่อ “การลงแขกเป็นวัฒนธรรมทางธรรมชาติ” เราควรจะรักษาวัฒนธรรมการลงแขกไว้ดีหรือไม่.....เพราะเป็นวัฒนธรรมที่ดีงามแม้แต่นกยังชอบเลย
วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 30, 2549
กัลยาณมิตรสร้างรอยยิ้มให้ผู้คน
เมื่อเดือนที่ผ่านมา…ผู้บริหารทางการศึกษานอกโรงเรียนของรัฐ punjab ประเทศ pakistan มาดูงานจำนวน 9 คน มีตัวแทน unesco และ jica มาร่วมสังเกตการณ์ สิ่งที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันคือ เขาเป็นนักบริหารที่มีองค์ความรู้ทางบริหารเยี่ยมเขารู้สึกพอใจที่เรามีระบบการบริหารจัดการแบบ learning organization และมีการวางแผนที่มาจากความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่เรียก bottom up เขามีอัตตาสูงไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน(เขาบอกอย่างนั้น) การยอมรับผู้บริหารสตรีต่ำไม่ชอบให้สตรีเป็นผู้นำ สนใจที่จะซักถามเชิงสถิติ ระมัดระวังเรื่องอาหาร เมื่อได้รับมิตรไมตรีบ่อยๆจึงปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ.........สรุปว่า”ความเป็นกัลยาณมิตรสร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนบนโลกนี้ได้” สรุปถูกต้องไหมนี่......
วันศุกร์, พฤศจิกายน 24, 2549
ความพยายามของเม็ดข้าว
ปีที่แล้วเราทำนา 2 ไร่ เป็นนาหว่านไม่ใส่ปุ๋ยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง.....ได้ข้าวปลอดสารพิษจำนวน 60 ถัง ปีนี้ไถนาเสร็จฝนตกเร็วหว่านข้าวไม่ทัน.....คงไม่ได้ทำนาแล้ว..ฝนตกตลอด เวลาผ่านไป...ข้าวขึ้นเต็มนากอสวยๆทั้งนั้นเลย...ดีใจเราไม่ได้หว่านข้าว........ข้าวที่ตกหล่นเมื่อปีที่แล้วยังงอกให้เลย ความพยายามของต้นข้าวน่านับถือ รวงข้าวก็สวยมีน้ำหนัก.......ปีนี้เกี่ยวรวงข้าวสีทองไปก็คิดไป...ถ้าความดีที่เราทำเหมือนเม็ดข้าวที่ฝังดินอยู่ในใจของลูกศิษย์แล้วงอกเงยในโอกาสต่อไปเราคงมีความสุขนะ
แม่ปลาปักเป้าพ่อภูเขาน้ำแข็ง
คอนโดมิเนียมแถวๆสีลม….....ลูกสาวและลูกชายเขาอยู่อาศัยทำมาหากิน ลูกสาวทำบริษัทสว่นตัวของน้าๆป้าๆเรียกว่าต้องเอาใจคนทั้งตระกูล...โชคดีนิดหนึ่งตรงที่เขาให้บริหารและตัดสินใจ..อีกส่วนไปช่วยบริหารงานโรงแรมที่เตรียมจะเปิดใหม่...ลูกสาวคนนี้..ฉลาด คล่องทันคน ไวทั้งความรู้สึกและการทำงาน ชีวิตของเขาจะพบปะผู้คนมากมาย...เขาจะพูดเสมอว่า”ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้...ที่ทำไม่ได้เพราะไม่ได้ทำ”......ชีวิตเขาจึงตื่นเต้นเหมือน “ปลาปักเป้าเดียวพองเดียวหุบ” ตอนพองระวังหนามหน่อยนะ........ส่วนลูกชายใจเย็นทำงานด้านกราฟิกดีไซน์...เป็นพวกอาทตีสอะไรทำนองนั้น.....ช่างคิดช่างจินตนาการ.....ศักยภาพเหมือนภูเขาน้ำแข็ง...โผ่มาให้เห็นเหนือน้ำนิดเดียว..ของจริงอยู่ใต้น้ำ ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาแต่เล็กอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง..........แปลกดีนะ....แม่ปลาปักเป้าพ่อภูเขาน้ำแข็ง
วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 23, 2549
คุณตาสอน "ณัฐ"
ณัฐเป็นเด็กชาย อายุ 7-8 ปี พ่อแม่ของณัฐเป็นชาวมอญที่มาแสวงโชคในประเทศไทย ครอบครัวของณัฐมาเป็นส่วนหนึ่งของประดู่ป่าแคมป์ช่วยดูแลสวนจำนวน 12 ไร่ ตัดหญ้า ปลูกต้นไม้ เกี่ยวข้าว เลี้ยงปลา และอยู่เป็นเพื่อน คุณตา คุณยาย ณัฐเป็นเด็กฉลาดเข้าโรงเรียนแล้วอยู่ชั้น ป.2 พูดภาษาไทยได้ชัดเจน บวก ลบเลขได้แต่อ่านหนังสือไม่ออก คุณยายบ่นเสมอว่า”ณัฐไปให้คุณตาสอนหนังสือให้ลูกจะได้อ่านออก” วันหนึ่ง.........คุณตากวาดขยะหน้าบ้านที่ณัฐอยู่กองเล็กๆ...แต่มีขยะหลายชนิดมากองรวมกัน คุณตาเรียกณัฐ"ญัฐเอากระดาษและดินสอมาคุณตาจะสอนหนังสือให้” หนูนับขยะดูว่าแต่ละชนิดมีอย่างละกี่ชิ้นเขียนมาให้คุณตา ณัฐเขียนไม่ได้ครับ....หนูวาดรูปเป็นไหม...ครับหนูวาดรูปแล้วเขียนจำนวนขยะให้...........เมื่อวาดรูปและเขียนตัวเลขครบ.....ญัฐตื่นเต้น ที่จริงตื่นเต้นตอนนับขยะแล้ว คุณตาเขียนภาษาไทยไว้คู่กับภาพวาดของณัฐ เช่นหลอดดูดนม ที่เช็ดหู ก้นบุหรี่ เป็นต้น คุณตาบอกให้ณัฐเขียนตาม......สุดท้ายจะมี ภาพ ภาษาไทยบอกภาพ ตัวเลขบอกจำนวน คุณตาถามณัฐทิ้งขยะอะไรบ้าง พ่อกับแม่ทิ้งอะไร ขยะมีทั้งสิ้นกี่ชิ้น ญัฐบวกลบถูกต้อง คุณตาถามขยะกองนี้จะทำอย่างไร.......ถ้าทิ้งไปทุกวันจะเป็อย่างไร..........หลายวันมาแล้วหน้าบ้านณัฐสะอาด......เห็นแม่ลูกช่วยกันเก็บ
วันอังคาร, พฤษภาคม 16, 2549
นกตีทองผู้จากไป
วันวิสาขบูชาเพิ่งจะผ่านไป …....ความสุกสว่างของดวงจันทร์ยามค่ำคืนยังให้ความนุ่มนวลอ่อนโยนกับมนุษยชาติดังเดิม วันนี้ตื่นแต่เช้ารู้สึกสดชื่นแจ่มใสมาถึงที่ทำงานเช้าเป็นพิเศษ เมื่อคืนฝนตกหนักลมแรง มองเห็นใบไม้หล่นบนถนนหน้าสำนักงานเต็มไปหมด มองไปที่ขอบสระน้ำบริเวณต้นมะม่วงตายที่มีโพรงเจ้านกตีทองอยู่ ใจหาย........กิ่งมะม่วงตายหักหล่นลงมากระจายที่โคนต้น........ไม่มีโพรงเจ้านกตีทองให้เห็นแล้ว......นกตีทองก็ไม่เห็น นึกถึงเมื่อ สองสัปดาห์ที่ผ่านมายังพาเด็กทำกิจกรรมภาคฤดูร้อนมานั่งวาดภาพโพรงเจ้าตีทอง เจ้าของโพรงบินเข้าบินออกอวดโฉมให้เด็กๆตื่นเต้นดีใจกับความสวยงามของเขาอยู่เลย....โลกช่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอะไรอย่างนี้เวลาชั่วข้ามคืนตีทองผู้น่ารักก็จากไปแล้ว.....เจ้าอยู่ไหนหนอ...คิดถึงตีทองจังเลย
วันพุธ, พฤษภาคม 10, 2549
ชอล์คสีขาวหรือปากกาเคมีสีดำ
ตอนสมัยเราเป็นเด็ก(พ.ศ.๒๕๐๐) ไปเรียนหนังสือคุณครูใช้ชอล์คสีขาวเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆบนกระดานดำผงชอล์คปลิวเป็นละอองกระจาย เราเป็นเด็กตั้งใจเรียนนั่งหน้าชั้นคอยให้คุณครูเรียกออกไปลบกระดานดำ เพื่อคุณครูจะได้สอนเรื่องต่อไป รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยคุณครู ความรักความผูกพันระหว่างเรากับคุณครูเป็นความรู้สึกที่ดี ถึงฤดูผลไม้สุก กระท้อนหวาน ลำใยกะโหลก พุทราลูกโตๆ นำไปฝากคุณครู เรารักคุณครูจังเลย คุณครูจะเล่าประสบการณ์ต่างๆให้เราสร้างจินตนาการ จะให้ความหวังความก้าวหน้า นำพาเราไปสู่แหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สูงขึ้นจนทำให้เรามีวันนี้ จากเด็กชนบทที่สวมใส่กางเกงปะก้นเป็นรูปใบโพธิ์ตัวเดียวนานถึงสามปีถึงบัดนี้ก็มาไกลแล้ว แม้วันเวลาจะเปลี่ยนแปลงไป.........ชอล์คสีขาวที่ครูเคยเขียนจะเปลี่ยนเป็นปากกาเคมีสีดำเขียนบนกระดานสีขาวที่เรียก ไวท์บอร์ดก็ตามที เมื่อเราเลือกที่จะเป็นครูความละเอียดอ่อนสายใยความเป็นครู อุดมการณ์ยังครุกรุ่นอยู่ในจิตวิณญานของการเป็นผู้ให้ตลอดไป............
วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 04, 2549
ทริป(trip)กตัญญู
วันหนึ่งลูกสาวคนโต(ที่จริงแล้วก็มีลูกสาวคนเดียวเท่านั้นแหละ)พูดเกริ่นนำขึ้นมาว่า…ปีหน้าในหลวงของเราจะมีพระชนมายุครบ 80 ชันษา ลูกมีความรู้สึกว่าคุณปู่ คุณย่า ก็มีอายุใกล้ 80 ปีแล้ว ลูกกับน้องอยากจะทำเรื่องตื่นเต้นให้กับคุณปู่ คุณย่าสักหน่อย ปกติแล้วคุณปู่ คุณย่า อยู่ไกลถึงจังหวัดลำปางถ้าลูกจะจัดทริป(trip)กรุงเทพคุณพ่อว่าจะดีไหม.......เรานิ่งไปนานคิดในใจ....เออ มัวแต่ทำงานสร้างฐานะความก้าวหน้าจนลืมไปว่าพ่อกับแม่อายุเกือบ 80 แล้ว.....ปากบอกลูก...คุยกับน้องแล้วโทรศัพท์ถามคุณปู่ คุณย่าดูว่าท่านสนใจไหม.....ทริปกตัญญูของลูกสาวลูกชายสำหรับคุณปู่ คุณย่าจึงเกิดขึ้น........ไม่รู้ว่าพาไปไหนบ้าง....ไปกินของอร่อยอะไร...มีใครไปช่วยดูแลเอาใจ กลับมามีแต่คำให้พรหลานๆ......บอกว่าหลานๆต่ออายุไปอีกหลายปี ......พ่อกับแม่จะดูแลสุขภาพให้ดีจะอยู่ไปสัก10 ปีจะรอไปเที่ยว ออสเตรเลีย กับหลาน ปลื้มใจมากที่เรามีลูกกตัญญูเป็นอภิชาตบุตร
วันพฤหัสบดี, เมษายน 27, 2549
งานคือชีวิต
เมื่อชีวิตเราอุบัติขึ้นสิ่งที่ตามมาคือ งาน(work) การเต้นของหัวใจ ลมหายใจ การเคลื่อนไหว คืองาน ถ้าชีวิตปราศจากงานคือชีวิตที่ตายแล้ว.......ขอให้สำนึกว่าเราต้องทำงาน การทำงานจะต้องออกมาจากจิตใจ เป็นสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นภายใน เป็นความตื่นตัว...ตระหนัก...สำนึก....ที่จะทำงาน เพราะงานจะทำให้ชีวิตเรายังคงอยู่ ความซื่อตรงต่องาน...ใครไม่สามารถสั่งเราได้เพราะงานคือชีวิตของเราเราต้องสั่งตัวเราเอง...ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตเราและผู้คนที่เกี่ยวข้องกับเรา วันนี้......เรายังมีลมหายใจอยู่เราต้องทำงาน ต้องรับผิดชอบต่องานคุณค่าชีวิตเราอยู่ที่คุณค่าของการทำงาน.......”คุณค่าของงานคือคุณค่าของชีวิต”
วันจันทร์, มีนาคม 20, 2549
หมอของต้นไม้
เช้าวันหนึ่งเรานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ขณะมองผ่านกระจกออกไปนอกหน้าต่างพบนกชนิดหนึ่งตัวโตกว่านกกระจอกนิดหนึ่ง สีเขียวเข้ม หางสั้น ส่วนบนของหัวมีสีส้มเข้ม ใต้คางก็มีสีส้ม ลักษณะคล้ายนกโพระดก สวยจริงๆ เราเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก ทำไมนกชนิดนี้ปรากฏบริเวณนี้ สงสัยคงมีที่อยู่อาศัยบริเวณนี้ เดินไปหยิบกล้องส่องทางไกลในรถ นำมาส่องสังเกตอย่างละเอียด พบว่าที่ต้นมะม่วงตายริมสระน้ำมีโพรงเป็นรูกลมๆ 2 โพรง เจ้านกที่สวยงาม บินเข้า บินออก จากโพรงที่เห็น ความน่ารัก การบิน การเกาะปากโพรง การคาบเหยื่อ ทำให้มีความสุขในกิจวัตรของเจ้านกตัวนี้ กลับมาค้นหารายละเอียดจากคู่มือดูนกพบข้อมูลว่า ........นกชนิดนี้มีชื่อว่า “นกตีทอง “นักดูนกกลุ่มรักษ์เขาใหญ่ตั้งสมญานาม “หมอของต้นไม้” เป็นนกที่ทำประโยชน์ต่อต้นไม้คอยรักษาต้นไม้ที่มีหนอนเจาะ เพราะนกตีทองกินหนอนและผลไม้เป็นอาหาร
วันพุธ, มีนาคม 15, 2549
งัวกะหลาล้อ
“งัวกะหลาล้อ”เป็นภาษาเหนือแปลว่า”วัวเทียมเกวียน”เมื่อปลายปีเรามีโอกาสกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อกับแม่ขณะที่ขับรถจากจังหวัดลำปางไปตามถนนหมายเลข 1 คือถนนพหลโยธินจะไปอำเภองาว ข้างทางเราได้เห็นเกวียนลำหนึ่งผูกวัววัยรุ่นคู่หนึ่งอยู่ข้างหลัง เดินกลับจากไร่.....ทำให้หวนคิดถึงคนแก่เฒ่าเล่าให้ฟังถึงเรื่องการฝึกวัวรุ่นไว้เทียมเกวียนอย่างน่าฟัง.......วัวที่จะนำมาเทียมเกวียนแต่ละคู่นั้นจะต้องถูกคัดสรรอย่างดี เริ่มจากอายุ ขนาด นิสัยจากนั้นจึงนำมาฝึกเดินโดยการผูกเชือกให้เดินตามเกวียนไปทำงานในไร่...ดูว่าทั้งคู่เดินขัดกันหรือไม่แต่ละตัวถนัดที่จะอยู่ซ้ายหรือขวา......ดูจนเห็นว่าทั้งคู่กลมกลืนกันจึงตัดสินใจเลือกไว้เพื่อเปลี่ยนวัวคู่เก่าที่อ่อนร้าโรยแล้ว......การมีชีวิตคู่ของหนุ่มสาวก็คงเช่นกัน ต้องแบ่งปันต้องปรับตัวและกลมกลืนกันไปตลอดชีวิต
บอกความรักผ่านต้นไม้
ภาคฤดูร้อนที่ผ่านมาลูกสาวเกรงว่าคุณพ่อจะเหงาจึงหางานให้ทำ โดยการพาวัยรุ่นระดับมัธยมมาฝากให้เข้าค่ายกินนอนอยู่ที่ประดู่ป่าแคมป์สักครึ่งเดือน จำนวน 3 คน มี บอม บูม มินนี่ กิจกรรมเริมต้นจากการใช้แผนภูมิความคิด(mind mapping)ค้นหาความต้องการของเด็กๆแล้วจึงมากำหนดตารางกิจกรรมร่วมกันระหว่างเด็กๆกับคุณตาซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวก(facilitator) ในเรื่องกีฬา มีอยากฝึกกอล์ฟ ว่ายน้ำ บาสเกตบอล อยากไปเที่ยวมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ที่อยุธยา อยากไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชิเขาใหญ่ ทุกความต้องการถูกกำหนดเป็นโปรแกรมแล้วการเรียนรู้ก็เริ่มต้น ทุกกิจกรรมทั้งสนุก ทั้งเหนื่อย การแก้ปัญหามีตลอดเวลา การใช้จิตวิทยา และธรรมเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ร่วมกัน(action learning)ระหว่างเด็กๆกับคุณตา ..........สุดท้ายเมื่อจะจากกันเด็กสะท้อนความรู้สึกยกตัวอย่าง หนูมินนี่”คุณตาทำให้มินนี่รู้สึกรักต้นไม้มากที่สุด เพราะต้นไม้มีชีวิตจริงๆ.....ที่เขาใหญ่คุณตาให้มินนี่เอาหูแนบต้นไม้ที่กำลังสังเคราะห์แสงเมื่อโดนแดด มินนี่ได้ยินเสียงการลำเรียงน้ำดังเหมือนเสียงน้ำไหลในท่อประปาเลย มินนี่จะนำไปเล่าให้เพื่อนๆฟัง..ต้นไม้มีชิวิตจริงๆ เราต้องรักต้นไม้ให้มากๆกว่านี้”
วันอังคาร, มีนาคม 07, 2549
สุขใจที่ได้ให้
น้าเวช เป็นทีมงานคนหนึ่งในสำนักงานเรา น้าเวชมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ความสะอาดและทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน น้าเวชอายุ 50 กว่าๆแล้วโดยปกติเป็นคนประหยัด อดออม ขยัน ฤดูทำนาก็เช่านาคนอื่นทำ ฤดูน้ำหลากก็ปักเบ็ดหาปลา วันหนึ่งอาจหาได้ 7-8 กิโลกรัม ขายได้ 3-4 ร้อยบาท เริ่มทำงานด้วยการเป็นหนี้เช่านา ด้วยนิสัยดังกล่าวปัจจุบันน้าเวชมีที่นา 100 กว่าไร่ มีวัวฝูง มีรถ มีบ้าน มีความสุขกับครอบครัว........วันหนึ่งน้าเวชเข้ามาหาเราในห้องทำงานและพูดว่า”ผอ.ครับราชการเลี้ยงดูผมมามากแล้ว ผมอยากตอบแทนบุญคุณบ้างผมอยากจะทาสีสำนักงานเราใหม่ ผอ.ว่าจะเอาสีอะไรดีผมจะออกเงินค่าสีและทาเอง ผมขอเป็นผู้ให้สักครั้งเพื่อความสุขใจของผมนะครับ”
วันพุธ, มีนาคม 01, 2549
ตัวห้ำที่ครูเคยสอน
ตอนเป็นเด็กเราเรียนวิทยาศาสตร์ครูจะสอนว่าแมลงในธรรมชาตินั้นมี 2ประเภท ปรเภทหนึ่งเรียกว่า”ตัวห้ำหรือตัวห้ำหั่น ตัวที่พิฆาตตัวอื่นนั่นแหละ” อีกประเภทหนึ่งเรียกว่า”ตัวเบียนหรือตัวเบียดเบียนไงละ”ครูพยายามอธิบายให้เข้าใจ ดูคล้ายว่าจะเข้าใจ...แต่ไม่ชัดคงไม่ใช่ครูผิดเป็นเพราะเราโง่มากกว่า.....ความชัดเจนเฉลยเมื่อเร็วๆนี้ ในสวนเรามีต้นสะเดาใหญ่ขึ้นบนจอมปลวก วันหนึ่งมีตัวต่อมาทำรังโคนต้นสะเดา ตัวต่อน่ากลัวมากถ้าต่อยใคร 3-4ตัวอาจทำให้คนนั้นเสียชีวิตได้ เรามีความวิตกกังวลมาก เพราะคนสวนไปตัดหญ้าใกล้บริเวณเกรงว่าจะเกิดอันตราย จะฆ่าก็สงสาร......จำนวนก็เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำไงดีละ....คิดไม่ออก..นั่งห่างๆใช้กล้องส่องทางไกลเฝ้ามองดูว่าเขามีชีวิตอย่างไร.....สิ่งที่พบต่อบินเข้า บินออกรังตลอดเวลา บินเข้ามาพร้อมหนอนตัวเล็กๆเพื่อใส่ในแคปซูลให้ตัวอ่อน ทำทั้งวันจนมืดค่ำ......รังก็ขยายออกไปเรื่อยๆ ความฉลาดเกิดขึ้นจากการสังเกต ...ตัวต่อนี่แหละคือตัวห้ำที่ครูบอก และพวกหนอนก็คือตัวเบียนแน่ๆ...มาวันนี้ตัวต่อได้จากรังไปแล้ว...ทิ้งรังเป็นชั้นถึง8ชั้นไว้ให้ดู ลองนับแคปซูลของตัวอ่อนเล่น....มีต่อเกิดใหม่มากกว่าหมื่นตัวที่เป็นตัวห้ำไปทำหน้าที่ในธรรมชาติ...หวนคิดว่าถ้าวันนั้นเราตัดสินใจทำลายรังต่อ......เราคงเสียใจไปตลอด....โชคดีที่มีสำนึก
ปรัชญาของลุงสุก
ในหมู่บ้านมีธนาคารข้าวเปลือกที่ชาวบ้านนำไปฝากไว้กว่า 200 ครอบครัว ธนาคารข้าวแห่งนี้เป็นของ”ลุงสุก”ลุงสุกรับฝากข้าวมาหลายสิบปีแล้ว เราเป็นสมาชิกคนหนึ่งที่นำข้าวไปฝากลุงสุกไว้เมื่อจะกินข้าวก็ไปบอกให้ลุงสุกสีข้าวให้..รำ แกลบ ลุงสุกเอาไปเลี้ยงเป็ดเทศ ไก่ ไก่งวง ข้าวสารเราเอามาไม่ต้องเสียค่าสีข้าวเป็นเช่นนี้มากว่า 15 ปีแล้ว ถามว่าทำไมชาวบ้านจึงนิยมนำข้าวเปลือกหลังจากการทำนาแล้วไปฝากไว้กับลุงสุก......คำตอบที่ได้รับจากชาวบ้านที่นำข้าวไปฝากคือ...ลุงสุกเป็นคนซื่อสัตย์มาก...ซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุคนี้...ลุงสุกมีปรัชญาที่ยึดมั่นมาตลอดชีวิต.....ว่า”ข้าวสักกำ เกลือสักก้อน เราจะไม่เอาของใคร”ความศรัทธาของชาวบ้านที่มีต่อลุงสุกยังยั่งยืนแม้วันนี้ลุงสุกเริ่มอ่อนล้าย่างสู่วัยชราแล้ว...ลุงสุกจึงต้องหาวิธีผ่อนแรงจัดระบบการวางกระสอบข้าว เขียนชื่อคนฝาก ลำดับที่กระสอบ นับเป็นการบริหารจัดการอย่างน่าสนใจยิ่ง
คำครู
ลุงหวังแกเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านดนตรีไทย สามารถทำเครื่องดนตรีไทยได้หลายชนิด เช่นขลุ่ย ระนาด ซอแต่ที่ลุงหวังถนัดมากๆเห็นจะเป็น อังกะลุง ลุงหวังออกแบบอังกะลุงให้สามารถเล่นได้ด้วยนักดนตรีเพียงคนเดียวและตั้งชื่อว่า”อังกะลุงราว” สิ่งที่ลุงหวังภูมิใจที่สุดในชีวิตคือการได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเพื่อถวายอังกะลุงราวที่ตนประดิษฐ์ วันก่อนเราแวะไปเยี่ยมลุงหวัง...พูดคุยตามภาษาคุ้นเคยกันตอนหนึ่งของการเสวนา..ลุงหวังพูดว่า”อาจารย์ผมนี้นะคิดถึงคำครูตลอดมา..ครูดนตรีท่านสอนผมว่า...ลูกเอยตลอดชีวิตการทำเครื่องดนตรีคำคำหนึ่งที่พูดไม่ได้คือคำ ..ช่างแม่มัน...ถ้าพูดคำนี้เมื่อไรชีวิตการเป็นนักดนตรีจบกัน”ผมปฏิบัติตามคำสอนของครูมาตลอด..ทำให้ผมผลิตผลงานด้วยความตั้งใจ ใส่ใจ เครื่องดนตรีที่ลูกค้านำไปใช้ทุกชิ้นต้องมีคุณภาพ เสียงได้มาตรฐาน ทุกวันนี้ชีวิตผมครอบครัวรวมทั้งลูกๆมีรายได้จากดนตรีไทยเป็นหลักก็เพราะ”คำครู”
วันอังคาร, กุมภาพันธ์ 28, 2549
พญาไฟกับการทำงานเป็นทีม
อันที่จริงแล้วศาสตร์หรือความรู้ใดๆล้วนแล้วแต่มีรากเง้าจากธรรมชาติทั้งสิ้นหากแต่ว่าเราเป็นคนช่างสังเกตหรือไม่…ตัวอย่างเช่น เรื่องการทำงานเป็นทีม ซึ่งสังคมแห่งการเรียนรู้ปรารถนาให้เกิดขึ้นในองค์กร ในธรรมชาติมีกรณีตัวอย่างมากมาย ยกตัวอย่าง การทำงานเป็นทีมของนกพญาไฟซึ่งเป็นนกที่มีสีสันสวยงามมากตัวผู้จะมีสีแดงสดใส ส่วนตัวเมียสีเหลืองสดสวยพบได้บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ พญาไฟเป็นนกในดวงใจของเรา พญาไฟเป็นนกหากินเรือนยอดของต้นไม้ฉะนั้นแมลงต่างๆจะบินลงสู่เรือนพุ่มใกล้พื้นดินในเวลาที่พญาไฟออกหากิน มีนกอีกพวกหนึ่งที่หากินเรือนพุ่มคือ นกกระรางหัวงอกอยู่กันเป็นฝูง นกทั้งสองชนิดจะออกหากินไปพร้อมๆกัน ในลักษณะการทำงานเป็นทีม สรุปว่าการทำงานเป็นทีมที่ดีและยั่งยืนคือการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 27, 2549
ลูกช้างขี้เหร่
เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาเราและอาจารย์เรืองสินธุ์แบ่งเวลาเดินทางขึ้นไปสูดโอโซนบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เราได้ข่าวหนึ่งที่น่าสนใจและคิดคำนึง มีเจ้าหน้าที่เขาใหญ่ได้พบลูกช้างป่าตัวเล็กๆเดินร้องไห้อยู่บริเวนทางขึ้นฐานเรด้าเขาเขียว ลูกช้างน้อยเดินมา 2 วันแล้วไม่พบแม่เลย เป็นที่น่าสงสารยิ่งนัก สุดท้ายเจ้าหน้าที่ได้จับลูกช้างมาไว้ที่ทำการเพื่อหาทางช่วยเหลือ แต่ลูกช้างอ่อนแอเกินกว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ ลูกช้างจากไปแล้วแต่มีคำถามมากมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่ช้างไปไหน ทำไมแม่ช้างจึงทิ้งลูกช้าง ทำไมลูกช้างจึงอ่อนแอ หรือว่าการเกิดเลือดชิด(ผสมพันธุ์กันเองในโขลง)กำลังแสดงผลกับโคลงช้างบนเขาใหญ่ส่งผลให้ลูกช้างอ่อนแอเป็นเหตุให้แม่ช้างตัดสินใจทิ้งลูกช้างขี้เหร่......เขาใหญ่ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อ กรกฎาคม 2548ความสำคัญของเงื่อนไขหนึ่งคือการสำรวจสถานภาพของสัตว์ทุกชนิดในมรดกโลกเพื่อการจัดการที่ถูกต้อง..เราในฐานะเจ้าของมรดกอันล้ำค่าแห่งนี้ควรคิดคำนึงอย่างไร......
วันพฤหัสบดี, กุมภาพันธ์ 23, 2549
ความรักของแม่
บ่ายวันหนึ่งเราขับรถกลับจากการทำงาน ขณะที่ขับรถลงจากสะพานมองไปไกลๆ เห็นเป็นเป็ด 2ตัวกำลังข้ามถนน เมื่อขับรถเข้าไปใกล้กลับพบว่าที่ข้ามถนนเป็นนกเป็ดน้ำ 2 ตัวกำลังพาลูกน้อย 3 ตัววิ่งข้ามถนนแต่ดว้ยความรีบร้อน ลูกนกเป็ดน้ำล้มกลิ้ง...ลุกขึ้นแล้วก็วิ่งต่อ..รถเราขับเข้าไปใกล้เกือบจะชน..แต่แม่และพ่อนกเป็ดน้ำไม่ได้อาทรต่อชีวิตตัวเอง แต่กลับห่วงใยลูกเป็ดทั้ง 3 ให้ข้ามถนนด้วยความปลอดภัย..หยุดชลอลูกน้อยยอมเสี่ยงภัยอยู่คู่ทายาท..ด้วยจิตใจที่หนักแน่น....ความรักของพ่อ แม่ สุดประเสริฐจริงๆหนอ แต่เป็นความรักของพ่อ แม่นกเป็ดน้ำ....มันรวมไปถึงความรักของพ่อแม่คนหรือเปล่าไม่รุ้ซินะ
วันจันทร์, กุมภาพันธ์ 20, 2549
จันทน์กระพ้อ
วันพระที่ผ่านมาพระจันทร์สวยมาก ที่จริงพระจันทร์คงสวยอย่างนี้มาก่อนพุทธกาลแล้ว แต่วันพระนี้มีความหมายเพราะเป็นคืนที่เราดูพระจันทร์แล้วคิดถึงลูกสาวคนเดียวในครั้งที่เขาไปเรียนที่อิตาลี เขาเขียนจดหมายถึงพ่อ ข้อความตอนหนึ่ง ถ้าคุณพ่อคิดถึงลูก ให้คุณพ่อมองไปที่ดวงจันทร์แล้วเราจะพบกันเหมือนความจริง....วันนี้ลูกกลับมานานแล้ว แม้อยู่ไม่ไกล..พ่อยังอาศัยดวงจันทร์เป็นสื่อความคิดถึง ด้วยภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ...เป็นธรรมดา ที่จริงตั้งใจจะเขียนเรื่อง ต้นจันทน์กระพ้อเป็นไม้สมุนไพร มีแหล่งกำเนิดภาคใต้ ลำต้นตรงสูงประมาณ 6-15 เมตร ดอกเล็กสีขาวเป็นส่วนผสมของยาหอม ลูกสาวซื้อมาฝาก 3 ต้นแต่ซื้อมาจากขอนแก่น ที่เขียนมาทั้งหมดอยากจะบอกว่ายุคโลกาภิวัตน์ทุกอย่างเลื่อนไหลแม้กระทั้งต้นจันทน์กระพ้อ...พ่อปลูกให้ลูกแล้ว
วันอังคาร, มกราคม 31, 2549
แนวโน้มความรุนแรงปัญหาเด็กและเยาวชนในชนบทปี 2560
กระแสการหลั่งไหลของข้อมูลข่าวสารที่ไร้ขีดจำกัด ไ่ม่มีใครหรือองค์กรใดสามารถสกัดกรองส่วนเสียของข้อมูล ผลที่เห็นชัดเจนในสังคมชนบทคือเยาวชน(14-15 ปี)มีเพศสัมพันธ์และมีบุตรก่อนวัยอันควร ปัญหาตามมาคือเยาวชนเหล่านั้นทิ้งลูกให้ปู่ย่า ตายายเลี้ยงอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้าเด็กๆที่เติบโตขึ้นโดยขาดการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่มีคุณภาพ ปัญหาในชนบทอาจยากเกินแก้ไขเยียวยา ใครเล่าจะแก้...ครูอาจจะช่วยได้บ้างถ้าสำนึกห่วงใยเขามีสูง แต่ปัญหาครูก็มากมาย "ไม่ใส่ใจพ่อแม่มันยังไม่สนใจ ตีเด็กก็ผิดระเบียบปล่อยไปเถอะ."...องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นน่าจะดีที่สุดเพราะเขาอยู่ใกล้ ปู่ย่า ตายายและตัวเด็กเองแต่ว่า อบต.จะทำอย่างไรดีละ มาช่วยกันคิดจริงๆดูนะ
วันจันทร์, มกราคม 30, 2549
แซงแซวสีเทา
เช้าวันหนึ่งในฤดูหนาวเมื่อ4-5ปีที่ผ่านมา เราออกมายืนที่หน้าระเบียงมองไปที่ต้นฝ้ายคำ(สุพรรณิการ์)กำลังออกดอกเหลืองสะพรั้งเต็มต้น มองไปที่เรือนยอดของต้นฝ้ายคำเห็นเจ้าแซงแซวคู่หนึ่งน่ารักมากมันมีสีเทาปนดำ ปกติแล้วนกแซงแซวจะมีสีดำสนิท ไฉนแซงแซวคู่นี้สีแปลกไป เดินเข้ามาในบ้านหยิบคู่มือดูนกของคุณหมอบุญส่ง เลขะกุล มาเปิดดู แซงแซวสีเทาเป็นนกอพยพหนีหนาวมาจากแดนไกล เราดีใจมากดูจนเต็มตาเกรงว่าเขาจะด่วนจากไป....ขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามถามตัวเองว่าทำไมแซงแซวสีเทาจากแดนไกลจึงแวะมาหาเราสงสัยธรรมชาติรอบๆบ้านเราน่าจะสมบูรณ์..ใช่สิเพราะข้างบ้านเราเจ้าของที่ดินเขาปล่อยให้ต้นไม้ขึ้นเต็มเป็นธรรมชาติ..จากนั้นมาทุกฤดูหนาวเราได้รับการเยี่ยมเยือนจากแซงแซวสีเทาตลอดมา..ปีนี้เจ้าของที่ดินข้างบ้านตัดต้นไม้หมด..เช้าวันหนึ่งของฤดูหนาวแซงแซวสีเทามาตามสัญญา แต่ภาพที่ปรากฏบนต้นฝ้ายคำคือการทะเลาะเบาะแว้งของแซงแซวสีเทากับแซงแซวสีดำในการแย่งอาณาเขตหากิน
วันเสาร์, มกราคม 28, 2549
ไอดิน กลิ่นดาว
5 ทุ่มกว่าๆของคืนเดือนมืด เราดึงเก้าอี้โยกออกไปนอกบ้านไอดินของลูกสาว นั่งมองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นทั้งดวงดาวที่พราวแพรว และความว่างเปล่าที่มืดดำ เราเกิดความคิด เออความมืดดำและความว่างเปล่าที่เราเห็นนั้น แท้ที่จริงแล้วมันว่างจริงไหม เดินกลับเข้าไปในบ้านหยิบกล้องส่องทางไกลมานั่งส่องไปในความมืด เออแท้ที่จริงแล้วความมืดดำก็เต็มไปด้วยดวงดาว เราได้ความคิด โอกาสมีอยู่ทุกแห่งหนให้เราเลือกที่จะใช้อะไรมอง ตาหรือใจหรือสติปัญญา
วันพฤหัสบดี, มกราคม 26, 2549
ขี้ช้างตั้งยอด
04.30น.วันที่ 26 มกราคม 2549 เราขับรถลงมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่หลังจากพูดคุยเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับนักเรียนเยาวชนปนะมาณ 200 กว่าคน ของโรงเรียนปิยชาติพัฒนาซึ่งอาจารย์เรืองสินธุ์ รัตนลัมภ์ เชิญเรา ถนนเงียบลมพัดใบไม้ไหวๆ สองข้างทาง อาจารย์ศุภชัย เพชรสุก อุทาน "พี่ๆดูขี้ช้างตั้งยอดเต็มถนนไปหมดเลย สงสัยคืนนี้รถเราคงเป็นคันแรก ขับช้าๆ หน่อยเราอาจเจอช้างป่า" อีกประมาณ 5 นาทีต่อมา เราเจอช้างแม่ลูกคู่หนึ่ง แม่พยายามดุนหลังลูกให้ข้ามถนนด้วยความห่วงใยเป็นภาพที่น่าประทับใจมากจากนั้นอีกประมาณ 5-6 นาทีเราเจอช้าง 3 ตัวแม่ลูก แม่ดูแลลูกกินใบไผ่อยู่ข้างทาง หวนคิดไปถึงเยาวชนที่เราพึ่งเสร็จจากการบรรยายมา หนูๆ ทั้งหลายมีแม่เหมือนช้างป่าพวกนี้หรือเปล่าหนอ ถ้ามีพวกหนูคงจะมีชีวิตรอดปลอดภัยในสังคมที่สับสนในยุคที่ข่าวสารข้อมูลเลื่อนไหลไร้พรมแดนทุกอย่างล้วนแล้วแต่อันตรายและน่าเป็นห่วงทั้งสิ้น
วันเสาร์, มกราคม 21, 2549
การบริหารจัดการองค์กรแห่งการเรียนรู้
การขับเคลื่อนองค์กรสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ ผู้นำองค์กรเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่ง เริ่มจากภาวะผู้นำ ระบบความคิดและการทำงานเป็นทีม ทุกเรื่องจะเป็นไปพร้อมๆกันเป็นพลวัต(dynamic)ข้อสำคัญในการขับเคลื่อนต้องใช้หลักธรรมกัลยาณมิตรเชื่อมสายใยเป็นสายสัมพันธ์
การเป็นผู้อำนวยความสะดวก(facilitator)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)