วันอังคาร, สิงหาคม 25, 2552

รอยยิ้มจากมิตรภาพต่างแดน












Sydney Distance Education High School SDEHS เป็นสถานศึกษาทางไกลของรัฐบาลออสเตรเลีย ที่ดัดแปลงอาคารเก่าหรือบ้านเรือนในสมัย ประมาณ ค.ศ. 1883 มาเป็นสถานศึกษา ภูมิทัศน์แตกต่างไปจากสภาพทั่วๆไป อาคารสูงเพียง 2 – 3 ชั้น ใช้สีเก่า ๆ มีภาพกิจกรรมที่นักศึกษาเขียนไว้ ประดับห้องเรียน มีการเรียนการสอนไม่มาก เห็นเด็ก ๆ เล่นกีฬา (เด็กอนุบาล) อย่างอิสระครูยืนดูอยู่ห่าง ๆ มีการเรียนการแสดง Drama ห้อง present ใช้เทคโนโลยีในการนำเสนอ คือ กระดานสัมผัส ในลักษณะคล้ายจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อยู่หน้าห้องเรียน ผู้นำเสนอใช้สื่อได้ดี ใช้เวลากระซับใช้เทคนิคหลากหลาย เปลี่ยน Software หลายรูปแบบ คุณ Mark ผู้จัดการได้นำเสนอประเด็นสำคัญของ SDEHS คือFlexible Learning : Blended Delivery Quality Individualised Education“ยึดหยุ่นในการเรียน : เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เน้นคุณภาพการศึกษารายบุคคล”โดยขยายความ Flexible Learning Blended Delivery ได้แก่ 1. Printed Learning materials 2. Online Units of work and courses 3. Laptops 4 Learning 4. CD and DVD 5. Telephone 6. E mail 7. Videoconferencing- field service visits to home and School- Study days- Excursionsเมื่อเสร็จจากการนำเสนอ เจ้าภาพพาคณะเยี่ยมชมอาคารสถานที่ เช่น ห้อง e – learning ห้อง Drama พร้อมเลี้ยงอาหารว่าง ที่เรียกว่า Finger Foods และชา กาแฟ ทุกคน ประทับใจ มีแต่รอยยิ้มให้กันสุดท้าย ท่านเลขาธิการ กศน. มอบของที่ระลึก คณะผู้บริหารและครู ถ่ายภาพร่วมกัน ก่อนจากคุณ Mark ยกมือไหว้แบบคนไทย
คณะของเราไปศึกษาดูงานที่ Sydney distance education high school ได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่ง...ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

วันจันทร์, สิงหาคม 17, 2552

นครซิดนีย์ ที่รัก

Powerhouse museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ในเรื่องพลังงาน และการออกแบบ (Science and design) ตัวอาคารถูกดัดแปลงมาจากโรงงานเครื่องจักรที่ใช้ไอน้ำดั่งเดิม โดยจัดแสดง 4 ชิ้น ที่สำคัญและน่านำกลับมาใช้ในบ้านเรา คือ พื้นที่กิจกรรมของพิพิธภัณฑ์ 2 พื้นที่กิจกรรมคือ พื้นที่กิจกรรมแรก มีการเรียนการนำเสนอผลงานการออกแบบของผู้สนใจ โดยมีผู้รู้คอยวิจารณ์ผลงานให้ พร้อมทั้งมีพื้นที่ให้ผู้เรียนนำเสนอผลงานการออกแบบไว้ในพิพิธภัณฑ์ มีบางพื้นที่ผู้เรียนได้สังเกตภาพสิ่งของในพิพิธภัณฑ์แล้วนำไปออกแบบ ผู้เรียนมีสมาธิ และมีความสนใจในการทำงานมาก ผู้เรียนไม่สนใจผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์เลย
พื้นที่กิจกรรมที่สอง เป็นพื้นที่เล็ก ๆ ใช้ประโยชน์หลายด้านใช้สำหรับเล่านิทานหรือให้นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของผู้เรียนที่เรียกว่า Coqs workshop
สรุปว่า เราสามารถดัดแปลงอาคารและกิจกรรมดั่งเดิมพร้อมเสริมกิจกรรมใหม่ ๆ ทันสมัย เข้าไป ก็สามารถเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มีชีวิตชีวาได้ ซิดนีย์...สิ่งที่สุดยอดคือเป็นนครที่ซ่อนสายไฟฟ้า..จึงดูสะอาดไม่เกะกะรกรุงรัง...ทำถูกต้องหนึ่งอย่างดูดีไปสิบอย่าง....สิ่งปลูกสร้างเป็นไปตามความสูงต่ำของพื้นดิน....ไม่ถมให้น้ำท่วมขัง...

Sydney และ Canberra ประเทศ ออสเตรเลีย






ความสวยงามของซิดนีย์และแคนเบอร์ร่าประเทศ Australia ระหว่างวันที่ 3 -8 สิงหาคม 2552 บนเส้นทางสายนครซิดนีย์สู่แคนเบอร์ร่า
คณะเดินทางออกจากนครซิดนีย์ เวลา ประมาณบ่ายโมง โดยรถ Coach 36 ที่นั่ง แต่คณะเราไปรวมกัน 20 คน ทุกคนจึงจับจองที่นั่งริมหน้าต่าง เตรียมชมทัศนียภาพสองข้างทางตลอดการเดินทาง
เมื่อออกพ้นนครซิดนีย์ถนนที่เรียกว่า “High way” ก็ไม่มีไฟเขียวไฟแดงอีกต่อไป มีเฉพาะทางแยกไปทั้งสองฝั่ง เป็นทางแยกในชนบทที่ไม่เห็นบ้านเรือนผู้คนเลย รถ Coach วิ่งผ่านฟาร์มปศุสัตว์มองสุดสายตา มีฟาร์มโคเนื้อพันธุ์สีดำ สีแดง สีแดงขาว ฟาร์มม้าที่พิเศษคือเจ้าของฟาร์มห่มผ้าให้ม้า ส่วนใหญ่เดินกินหญ้าอยู่ในฟาร์ม ฟาร์มแกะมองไกล ๆ เหมือนก้อนซาลาเปาและฟาร์มจิงโจ้ จริง ๆ แล้วจิงโจ้ชอบแอบไปอยู่ในฟาร์มของเกษตรกรเสียมากกว่า ผ่านไร่องุ่นที่มองเห็นเพียงต้น เจ้าของฟาร์มตัดใบทิ้งหมด ดร.อัจฉรา เล่าให้ฟังว่า “ฤดูหนาวเกษตรกรต้องตัดใบองุ่นทิ้ง เพราะน้ำในใบจะเป็นน้ำแข็งทำให้องุ่นเสียหาย”
รถวิ่งผ่านดอกไม้ป่าสองข้างทางดอกสีเหลืองตัดกับใบสีเขียวสวยงามมาก เห็นมีเพียงดอกไม้ชนิดนี้ชนิดเดียวแหละที่บานดอกตัดกับความแห้งแล้งของฤดูที่ใบไม้ร่วงเกือบหมด มัคคุเทศก์อธิบายว่า ปีนี้อากาศแปรปรวนดอกไม้สีเหลืองบานเร็วผิดปกติ แต่ผู้เขียนคิดเองว่า ธรรมชาติของออสเตรเลียให้รางวัลคณะศึกษาดูงานและการเจรจาเสียมากว่า
ระยะทางจากนครซิดนีย์ถึงแคนเบอร์ร่า ประมาณ 270 กิโลเมตร แม้จะเป็น High way แต่รถ coach ก็ทำความเร็วได้ไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง และเมื่อขับไปได้ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ต้องหยุดพัก ผู้เขียนมองเห็นพนักงานขับรถนั่งบันทึกรายละเอียดลงในเอกสารขณะหยุดรถ เชื่อว่า เพื่อการตรวจสอบว่าปฏิบัติตามกฎหมายหรือไม่ หากคนขับรถไม่ปฏิบัติตามอาจถูกสั่งพักการขับรถเป็นเวลาถึง 3 ปี จึงไม่น่าเสี่ยงในการไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
เมื่ออีกประมาณ 50 กิโลเมตร ก่อนถึงแคนเบอร์ร่า คณะเดินทางมองเห็นกังหันลมติดตั้งบนกูเขาลูกเล็ก ๆ ที่ลดหลั่นกัน ในทุ่งหญ้านับได้เป็นร้อย ๆ เครื่อง ชาวคณะศูนย์วิทย์ฯตื่นเต้นเสียงดังท่านเลขาธิการ สั่งให้รถหยุดที่จุดพักรถให้พวกเราได้ถ่ายภาพกังหันลมอย่างจุใจ มีนายรู้ใจทุกคน Happy รถวิ่งเข้าใกล้ แคนเบอร์ร่าธรรมชาติที่เป็นทุ่งหญ้าเริ่มกลายเป็นภูเขามีต้นไม้เห็นไกล ๆอยู่ทั่วไปคล้ายกับกำแพงที่ล้อมนครแคนเบอร์ร่าไว้ น่าจะด้วยเหตุนี้อุณหภูมิแคนเบอร์ร่าจึงต่ำกว่านครซิดนีย์ถึง 10 องศาเซลเซียส

วันพุธ, กรกฎาคม 22, 2552

สุริยุปราคา 22 กรกฎาคม 2552


ข่าวการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงแพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็ว คลุกเคล้ากับเหตุการณ์บ้านเมือง การพยากรณ์มีไปต่างๆ นาๆ ตามความเชื่อและพื้นฐานการศึกษาของผู้คน บ้างก็อ้างโหราศาสตร์ บ้างก็อ้างไสยศาสตร์ บ้างก็บอกว่าสุริยุปราคาเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ธรรมดา ๆ ซึ่งเคยเกิดคู่โลกมาแต่ดึกดำบรรพ์ และก็ยังต้องเกิดต่อไปชั่วกัปชั่วกัลป์เพราะมันเป็นธรรมชาติ
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่อากาศมืดมนเมฆบดบังทั่วท้องฟ้า ความหวังที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เลือนรางช่วงเวลาของปรากฏการณ์เป็นช่วง ประมาณ 7.00-9.00 น. ดูนาฬิกา 8.30 นาที เหลือเวลาอีกประมาณ 30 นาทีเท่านั้น
แล้วความหวังที่มีอย่างเต็มเปี่ยมก็ปรากฏผล เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 08.38 น. ฟ้าเปิดเห็นปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วนในทิศตะวันออกที่มุมเงยประมาณ 30 องศา หน้าศูนย์วิทย์สระแก้วดังภาพที่ถ่ายไว้
ธรรมชาติมักให้รางวัลกับคนที่มีความหวังความปรารถนา ใช่ไหม

วันศุกร์, กรกฎาคม 17, 2552

เขื่อนขุนด่านปราการชล


ต้นเดือนกรกฎาคมแล้วนับว่าเป็นช่วงกลางฤดูฝน ปีนี้ (2552) ฝนตกชุกกระจายอย่างถ้วนทั่วทุกภาคของประเทศไทย
มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเขื่อนขนาดใหญ่ในพื้นที่จังหวัดนครนายกอีกครั้ง ที่จริงแล้วก็ไปเสมอ ๆ แหละแต่ครั้งนี้พิเศษเพราะไปเยี่ยมแบบเป็นทางการ คือไปด้วยวัตถุประสงค์เพื่อดูปริมาณน้ำในเขื่อนว่ามีมากน้อยเพียงใด เพราะการไปเยี่ยมอย่างเป็นทางการครั้งก่อนน้ำเต็มเขื่อนมาก ๆ จนกังวลใจว่าเขื่อนรับแรงดันของน้ำได้ไหมหนอ ความกังวลกลายเป็นความโล่งใจเมื่อทุกอย่างปกติสุข
วันนี้เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก มีน้ำน้อยกว่าที่คาดคะเนไว้ เกิดประเด็นคำถามมากมายในใจ เช่นว่า
- ฝนตกชุกทำไมไม่มีน้ำในเขื่อน (น้ำน้อย)
- ฝนตกบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ปริมาณน้อยเกินไปหรือไม่ จนเป็นเหตุให้ไม่มีน้ำไหลลงสู่เขื่อนขุนด่าน ฯ
- ด้านล่างเขื่อนมีธุรกิจการท่องเที่ยว มีการล่องแพยางเป็นเหตุให้เขื่อนปล่อยน้ำมากเกินไปหรือไม่
- น้ำถูกปล่อยไปสู่ภาคเกษตรกรรมตามที่ระบุไว้ก่อนสร้างเขื่อนหรือไม่
* ทุกคำถามที่ถาม หรือคำถามอื่น ๆ ในใจท่าน เรามาช่วยกันค้นหาคำตอบกันนะ

เรือนไม้โบราณ


ประวัติศาสตร์ทำให้ทราบถึงรากเหงา และความเป็นมาของเรื่องราวนั้น ๆ ไม่ว่าประวัติศาสตร์ที่เป็นเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ ทางสังคม ทางวัฒนธรรม ทางโบราณคดี หรือทางอื่นใดก็ตาม
ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาอุบลราชธานี ก็มีประวัตศาสตร์เรื่องเล็ก ๆ ของเรือนไม้โบราณ ซึ่งเป็นเรือนไม้ที่มีความสวยงาม ทุกส่วนของเรือนไม้โบราณสนองตอบวัตถุประสงค์ของการใช้สอย ในการพูดคุยกับ ผู้อำนวยการชำนาญ เรียนเลิศอนันต์ ท่านบอกว่า “ผมมีความตั้งใจอย่างมากที่ซ่อมแซมเรือนไม้โบราณหลังนี้ เพื่อใช้ประโยชน์ และเพื่อการศึกษาเรียนรู้ว่าคนสมัยก่อนเขาสร้างบ้านไม้อย่างไร สนองตอบต่อการอยู่อาศัยอย่างลงตัวอย่างไร เรือนโบราณหลังนี้นับอายุได้เป็นร้อยปีแล้วครับ”
คุณค่าของความโบราณคือตำนานส่องทางสู่อนาคต โลกเจริญก้าวหน้าผู้คนกลับแสวงหาเรื่องราวในอดีต เมื่อก้าวไปสูงสุด สุดท้ายก็คืนสู่ดิน

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 09, 2552

my son...


มีลูกชายคนเดียว...จับกล้องถ่ายภาพ......ดีใจเพราะนี่คือเงาของตัวเราที่เคยใฝ่ฝัน..อยากเป็นนักถ่ายภาพที่มีทั้งสาระ มีทั้งศิลปะ...ถ่ายภาพ สัตว์ ธรรมชาติ คน ศิลปวัฒนธรรม...แต่ทำไม่สำเร็จ..บัดนี้ ลูกชายได้ทำสิ่งนั้นแล้ว

ต้นไม้ใบใหญ่(พญากาสัก)


เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาลงพื้นที่ บ้านทุ่งหินโคน ตำบลสระขวัญ อำเภอเมืองสระแก้ว ได้พบต้นไม้ชนิดหนึ่งมีลักษณะใบใหญ่มาก ได้สอบถามเจ้าของบ้านที่นำมาปลูก บอกว่านำมาจากป่า ชาวบ้านเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า ต้นเสือนั่งแท่น ......ความจริงของต้นไม้ต้นนี้คืออะไรรอการสืบค้น...จากการซักถามสืบค้นพบว่าต้นไม้ต้นนี้ชื่อ พญากาสัก...มีชื่ออื่นๆเช่น เขืองหูช้าง ตองสาก ตาลปัตรฤาษี เสือนั่งร่ม มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Leea macrophylla Roxb.ex Hornem.ประโยชน์เป็นไม้ประดับ รากใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีแดง

วันศุกร์, มิถุนายน 26, 2552

นกแขกเต้า

วันที่ 26 มิถุนายน 2552 เวลาประมาณหกโมงเช้า ขณะเดินอยู่หน้าบ้านพักที่จังหวัดสระแก้ว ได้ยินเสียงนกร้องมาแต่ไกล เสียงดัง “แอ๊ก แอ๊ก แอ๊ก” เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นนกบินมาเป็นฝูงเข้าใจว่าเป็นนกแขกเต้า (จากเสียงร้องที่ได้ยิน) บินในลักษณะหน้ากระดาน คะเนด้วยสายตาประมาณ 500-600 ตัว บินตรงมาจากอุทยานแห่งชาติปางสีดามุ่งหน้าไปสู่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
สิ่งที่ได้เห็นเช้าวันนี้ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมของนกแขกเต้าเพิ่มขึ้นว่า นกแขกเต้ามีวัฒนธรรมการรวมกลุ่มขนาดใหญ่เพื่อการเดินทางไปหาแหล่งอาหาร นกบางตัวบินไม่ทันเพื่อน ๆ ก็บินตามไปส่งเสียงร้องดัง แอ๊ก แอ๊ก ตลอดเวลาที่เห็นมี 2 ตัว บินมาในเวลาห่างกันประมาณ 5 นาที การส่งเสียงร้องน่าจะเป็นการสื่อสารในกลุ่มของนกเหล่านี้
ข้อควรคำนึง แม้ป่าจะกว้างใหญ่แต่ป่าก็ไม่ได้มีอาหารให้สัตว์ได้กินตลอดเวลา ผลไม้และลูกไม้ต้องใช้เวลาในการสุก สัตว์รู้ว่าเขาจะได้กินผลไม้ชนิดนี้ได้ในเวลาใด มนุษย์เปิดโอกาสให้มีต้นไม้ มีผลไม้ให้สัตว์ได้กินบ้างหรือไม่
นกแขกเต้า มีชื่อสามัญ Red - breasted Parakeet ชื่อวิทยาศาสตร์ Psittacula alexandri

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 25, 2552

นกกาน้ำเล็ก


นกกาน้ำเล็ก มีชื่อสามัญว่า Little Cormorant มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Phalacrocorax niger ชื่อว่านกกาน้ำ ย่อมมีบางสิ่งบางอย่างคล้าย กา ในระยะไกลเมื่อเรามองเห็นคือนกเป็นสีดำทั้งตัวนั่นเอง ความจริงแล้วถ้าเราใช้กล้องส่องทางไกล (Binoc.) จะพบว่านกกาน้ำเล็กมีสีดำเหลือบน้ำตาลเหลือบเขียว ใต้จะงอยปากมีสีเหลืองนิด ๆ เรามักพบนกกาน้ำเล็กหากินเดี่ยว ในหนองน้ำบริเวณพื้นที่นากุ้งร้าง ที่จังหวัดสมุทรสาคร ดำผุดดำโผล่ บางครั้งขึ้นมาเกาะตากปีกบนตอไม้ตายในบริเวณแหล่งน้ำที่หากิน
เวลาประมาณหกโมงเย็น นกกาน้ำเล็กจึงบินกลับรังเป็นฝูง ๆ ละ 20-30 ตัว
สรุปว่า นกกาน้ำเล็กแยกกันทำมาหากิน กลับถิ่นไปนอนด้วยกัน ความรักสามัคคีคงเดิม

วันพุธ, มิถุนายน 24, 2552

อดีตและปัจจุบันที่คลองโคกขาม












คลองโคกขามเป็นคลองที่สร้างตำนานความซื่อสัตย์ ซื่อตรง ต่อหน้าที่และรักษากฎหมายของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่จารึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ของชาติไทย “พันท้ายนรสิงห์” ท่านยอมให้ประหารชีวิตเพื่อรักษากฎเมื่อตนเองทำหน้าที่พันท้ายเรือผิดพลาดคือไม่สามารถรักษาโขนเรือพระที่นั่งพระเจ้าเสือไว้ได้ ด้วยคลองโคกขามคดเคี้ยวเป็นเหตุให้โขนเรือชนกิ่งไม้หักลง
ปัจจุบันคลองโคกขามเปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่พบได้คือคลองโคกขามตื้นเขินแต่ยังเห็นร่องรอยของความคดเคี้ยวไว้เช่นเดิม สิ่งมีชีวิตบริเวณคลองโคกขามที่พบ ได้แก่ ปลาตีน ตะกวด นกกาน้ำ นกแขวก นกตีนเทียน และการขึ้นลงของน้ำในคลองโคกขาม
ผู้คนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ มากราบไหว้ศาลพันท้ายนรสิงห์สังเกตได้จากพวงมาลัยคล้องอยู่เต็มศาลสักการะ เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าผู้คนมาสักการะด้วยหวังลาภยศหรือมาสักการะในคุณค่าของความซื่อตรงต่อหน้าที่ที่ท่านทำไว้เป็นแบบอย่าง

มหัศจรรย์พันธุ์ไม้ที่ชื่อโกงกาง







อันที่จริงแล้วภาพของต้นไม้ที่ชื่อ “โกงกาง” ติดอยู่ในความทรงจำว่าเป็นต้นไม้ที่แปลกและมีวิวัฒนาการในเรื่องการพัฒนารากให้กางออกเพื่อการยึดติดกับผืนดินที่เป็นดินเลนของป่าชายเลนได้ดี การมีความทรงจำอย่างนั้นเกิดจากการพบเห็นต้นโกงกางในช่วงเวลาปกติที่ไม่ใช่ฤดูขยายพันธุ์
ครั้งนี้ (เดือนมิถุนายน) ได้มีโอกาสมาศึกษาป่าชายเลนที่ “ศาลพันท้ายนรสิงห์” ณ คลองโคกขาม จังหวัดสมุทรสาคร พบความมหัศจรรย์ของโกงกางซึ่งถือได้ว่าเป็นพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งที่มีวิวัฒนาการ ก้าวกระโดดให้เห็น ดังนี้
ราก กางออกจากโคนต้นเป็นกิ่งก้านจำนวนมากนับได้เป็นร้อยราก เพื่อการยึดเกาะดินเลน
ใบ ลักษณะหนาใต้ใบมีรูระบายคายเกลือออกได้ดี เพราะโกงกางอยู่ใกล้น้ำเค็ม
ดอก สีเหลืองอ่อน กลีบเล็กแข็งต้านแรงลมได้ ความมหัศจรรย์คือ ผล เล็กยาว คล้ายฝักมะรุมปลายแหลมชี้ลงดิน ยาวประมาณ 80 เซนติเมตร ที่สำคัญมีตุ้มสีน้ำตาล ขนาดผลมังคุดอยู่ด้านบนของผล วิวัฒนาการของโกงกางเป็นเช่นนี้ ย่อมเชื่อได้ว่าทุกครั้งที่ผลหล่นลงสู่เลนต้องปักลงไปไม่น้อยกว่า 30 เซนติเมตรด้วยตุ้มที่หนักอยู่ด้านบนของผล
สรุปว่า โกงกางนับเป็นสุดยอดของพันธุ์ไม้ที่มีวิวัฒนาการเพื่อการดำรงเผ่าพันธุ์

วันอังคาร, มิถุนายน 23, 2552

อารมณ์นักประพันธ์

งานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เป็นเหตุให้เราต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเสมอๆ การไม่ได้อยู่บ้านจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่คงไม่ธรรมดาสำหรับเธอเพื่อนที่แสนดีเมื่อเราไม่อยู่บ้าน เธอคงเหงา ปกติแล้วเธอไม่ค่อยช่างพูด ไม่ช่างเจรจา เธอน่ารักอาจจะดูเงียบขรึมไปบ้าง แต่เธอก็ช่างเอาใจใส่เรา เวลาพักผ่อนยามนอนเธอชอบซุกอยู่ข้างกายคลอเคลียอยู่เสมอๆ วันนี้เราเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด ซื้อชุดใหม่มาฝากเธอ เป็นชุดสีส้มอ่อนๆมีลายดอกจำปาสีขาว...เธอคงชอบ กลับถึงบ้านดึกแล้ว เธอก็เป็นเหมือนทุกครั้ง คลอเคลียอยู่ข้างกายเราจนหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย สะดุ้งตื่นเกือบสว่างแล้ว เรานอนกอดหมอนข้างใบโปรดอยู่ สงสัยตัวเองเปลี่ยนปลอกหมอนข้างชุดใหม่ ตั้งแต่ตอนไหนนี่....

วันจันทร์, มิถุนายน 22, 2552

ความเป็นจริงที่ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน







ผีเสื้อหางติ่งนางระเวงผสมพันธุ์ด้วยสัญชาตญาณหรือ..ความรักก็แล้วแต่เพราะเขาไม่บอก.ตัวผู้มีชื่อเรียกเฉพาะว่าผีเสื้อถุงเงิน..ออกเป็นไข่ ไข่ที่เห็นเป็นไข่นกเขาชวานะ ที่กอกล้วยไม้บ้านสวนประดู่ป่าแคมป์.....กลายเป็นลูกนกที่น่ารัก....หันมามองอย่างสงสัย.....ตัวฉันเป็นใครนี่.....บอกให้ก็ได้เจ้าหนูน้อยเรานั้นนะชื่อ...ขมิ้นน้อยธรรมดา..ไงละ

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 18, 2552

นกปรอดหน้านวล


ทุกเช้าเวลาประมาณหกโมงครึ่ง หลังห้องทำงาน มีสายไฟฟ้าพาดผ่านเหนือสระบัวหลวง นกปรอดหน้านวลคู่หนึ่งมาเกาะสายไฟฟ้า ไซร้ขน กางปีก ส่งเสียงร้อง มองไปมองมา นกปรอดหน้านวลทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีมนุษย์จ่องสังเกตพฤติกรรมของเขาอยู่ หลังกระจกสีชาในห้องทำงาน
นกปรอดหน้านวลเป็นนกประจำบ้านของศูนย์วิทยาสาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ต้นหมากแดง หมากเหลือง หน้าตึกนิทรรศการ เป็นรังนก เป็นแหล่งฟักไข่ เลี้ยงลูกของนกปรอดหน้านวล ลูกหว้า ลูกหมากเม่า และ ลูกไทร ในศูนย์วิทย์ฯ เป็นแหล่งอาหาร แหล่งน้ำกินอยู่ในสระบัว สระน้ำไดโนเสาร์
บ้านที่อบอุ่นในฤดูหนาว ร่มเย็นในฤดูร้อน ปลอดภัยในฤดูฝนจะมีที่ไหน นอกเสียจากเราต้องร่วมกันสร้าง ร่วมกันทำ ให้บ้านของเราคุ้มครองเราทุกคนพร้อมสรรพสัตว์ได้อยู่อาศัยร่วมกันอย่างมีความสุข

วันอังคาร, มิถุนายน 02, 2552

บึงบัวบาที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา




อุทยานแห่งชาติตาพระยาจังหวัดสระแก้ว เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ผนวกเข้าเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และแห่งอื่น พื้นที่อุทยานแห่งชาติตาพระยามีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางเฉลี่ย 200-300 เมตร บริเวณทั่วๆไปเป็นภูเขาหินทรายเป็นป่าโปร่ง ฤดูแล้งแหล่งน้ำที่ขังจึงแห้ง เมื่อถึงฤดูฝนแอ่งต่าง ๆ มีน้ำขัง ทำให้ไม้น้ำบางชนิดเจริญเติบโตได้ ตัวอย่างเช่น “บัวบา” หากเดินทางเข้าไปศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติตาพระยาในช่วงเดือนมิถุนายนซึ่งเป็นฤดูฝน พบบัวบาชูช่อดอกเล็ก ๆ มี 5 กลีบสีขาวเกสรสีเหลือง หรือบางชนิดก็เป็นดอกสีเหลือง ดอกเล็ก ใบเล็ก เต็มบึง ขนาดดอกประมาณเหรียญห้าบาทใบบัวบาก็ขนาดจานรองแก้วนั่นแหละ
“บัวบา” มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Water snowflake ชื่อวิทยาศาสตร์ Nymphoides indica มีชื่ออื่น เช่น ตับเต่าใหญ่ บาดอกขาว เป็นไม้ลอยน้ำขนาดเล็ก มีไหลและรากยึดติดดิน ใบกลม ออกดอกตรงข้อที่ก้านใบ ภาพที่เห็นถ่ายที่อุทยานแห่งชาติตาพระยา อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว

วันอังคาร, พฤษภาคม 26, 2552

วันแห่งความสุข

ผมภูมิใจในตัวคุณจริงๆ คุณทำงานแบบมืออาชีพ...คุณทำงานเป็นทีมได้ดี คุณรู้ว่าต้องทำอะไรโดยไม่ต้องรอคำสั่ง.....คุณมีความรักความเอื้ออาทรต่อกัน รากเหง้าแห่งกัลยาณมิตรฝังลึกลงในใจคุณแล้ว...ผมมีความสุขมาก ๆ ที่ได้เห็นภาพเช่นนี้...ผมเชื่อว่าคุณก็คงเหมือนผมเช่นกัน..
ปัญญา วารปรีดี
26 พฤษภาคม 2552

ผลการสืบค้นที่มาของขวานหินโบราณ



ประมาณกลางปี พ.ศ.2544 นายทรงวุฒิ สุธาอรรถ (เสียชีวิตแล้ว) ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว คนแรก นำทีมนักวิชาการศึกษา เจ้าหน้าที่พนักงาน ออกไปเก็บตัวอย่างประเภทของหินในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว เพื่อนำมาจัดทำฐานการเรียนรู้เรื่อง “หิน” ณ ฐานนิทรรศการกลางแจ้งศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ขณะที่ค้นหาหินบริเวณเชิงเขาตาง๊อก อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว นายเทวัญ เทียมเขา เจ้าหน้าที่ยามซึ่งไปด้วย ได้พบหินก้อนหนึ่ง(ขวานหินโบราณ)โผล่พ้นพื้นดินบริเวณพื้นที่ไร่ใกล้เชิงเขาตาง๊อก จึงหยิบมาด้วยเพราะดูแปลกดีมีลักษณะคล้ายเสียม นายเทวัญ เทียมเขาได้นำมาวางไว้บริเวณสวนหินหน้าเสาธงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เป็นต้นมา เมื่อมีนักศึกษา นักเรียน ประชาชนมาเรียนรู้เรื่องหินก็มักหยิบไปดูและนำเคลื่อนย้ายไปไว้ในกลุ่มหินต่าง ๆ เสมอ ๆ จนกระทั่งวันแรม 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 23 พฤษภาคม 2552นายปัญญา วารปรีดี ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว คนที่เจ็ด ได้สังเกตพบว่าหินก้อนดังกล่าวเป็นขวานหินโบราณ มีรอยบิ่นถูกใช้งานซึ่งน่าสืบค้นอย่างยิ่ง
ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2552 นายปัญญา วารปรีดี จึงนำคณะประกอบด้วย อาจารย์อาภรณ์ เลิศกิจคุณานนท์ อาจารย์ภัฑรกิจ ไชยถา นายเทวัญ เทียมเขา และนายประไพ เขียวชอุ่ม กลับไปบริเวณที่เคยพบขวานหินโบราณอีกครั้ง สำรวจและถ่ายภาพ สถานที่สำคัญแหล่งที่พบขวานหินโบราณไว้ เพื่อการสืบค้นในโอกาสต่อไป Coming soon ……..

วันอาทิตย์, พฤษภาคม 24, 2552

บัวหลวงบานแล้ว


บัวหลวงดอกนี้บานอยู่ในบึง....บันทึกภาพเก็บไว้เกรงว่าจะล่วงโรยตามกาลเวลา....ผ่านสระน้ำเดินเข้าไปใกล้เถาย่านางแดง...ถิ่นของนกกินปลี...นกกินปลี สองสามตัวบินมาทักทายเสียงเซ็งแซ่....เป็นภาพแห่งความสุข..สั้นๆ..ของวันหยุดวันหนึ่ง นกกินปลีกับบัวหลวงเป็นเรื่องราวธรรมชาติที่เกี่ยวโยงกัน...เกี่ยวไหมเอ่ย

วันเสาร์, พฤษภาคม 23, 2552

ขวานหินโบราณ




เช้าวันเสาร์ที่ ยี่สิบสามพฤษภาคม เป็นวันมหัศจรรย์ ขณะที่เดินเล่นบริเวณฐานการเรียนรู้ “ ฐานหิน” หน้าเสาธงของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ณ ตำแหน่งที่จัดแสดงหินฟอสซิล(หินที่มีซากพืชซากสัตว์อยู่ในเนื้อหิน) เห็นหินก้อนหนึ่งกว้างขนาดฝ่ามือ ยาวประมาณหนึ่งคืบวางอยู่ ซึ่งมีขนาดเล็กแตกต่างจากก้อนอื่นที่ใหญ่กว่ามาก จึงหยิบมาดูโดยละเอียด

หลังจากสังเกตกว่า 30 นาที รู้สึกตื่นเต้น เพราะหินก้อนนี้มีลักษณะคล้ายขวาน แต่เป็นขวานหิน มีเหลี่ยมที่เป็นคมทั้งสองข้าง และโคนหินมีรอยคอดเหมือนคอขวาน ส่วนที่เป็นคมมีรอยบิ่นถูกใช้งานอย่างชัดเจน จึงถ่ายภาพไว้และบันทึกสิ่งที่พบลงใน http://padupacamp.blogspot.com

ถามว่า หินก้อนนี้ใช่ขวานหินโบราณหรือไม่ หินก้อนนี้มาจากไหน มาได้อย่างไร ใครนำมาวางไว้ มาว่างไว้ด้วยจุดประสงค์ใด หากเป็นขวานหินโบราณจริง............. ก็นับว่าควรค่าแก่การศึกษาอย่างยิ่ง ข้อมูลเพิ่มเติมนักโบราณคดีกรมศิลปากรปราจีนบุรีระบุเป็นหินงอกหินย้อยที่หักลงมากระทบพื้นถ้ำเป็นรอย ส่วนด้านข้างที่มีคมเกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเล

ไก่ป่าตุ้มหูขาว


บริเวณป่าตะวันออก เช่น เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา เรามักพบเห็นไก่ป่าตุ้มหูขาวเสมอ ๆ ลักษณะเด่นเฉพาะของเขา คือ หนังบริเวณหูมีสีขาวนั้นเอง

ไก่ป่าโดยทั่วไปที่พบ มีความแตกต่างกันอยู่สามกลุ่ม กลุ่มแรก คือไก่ป่าตุ้มหูขาว กลุ่มที่สอง เป็นไก่ป่าตุ้ม
หูแดง กลุ่มที่สามเป็นไก่ป่าที่มีหนังบริเวณหูเป็นสีขาวแกมชมพู คงไม่แปลกใจที่ กลุ่มที่สามต้องเป็นลูกผสมระหว่างสองกลุ่มแรกแน่ ซึ่งมักพบระหว่างรอยต่อการกระจายของชนิดตุ้มหูขาวและตุ้มหูแดง ไก่ป่าในภาพที่เห็นถ่ายได้ในบริเวณอุทยานแห่งชาติปางสีดา จังหวัดสระแก้ว

นกเขาเขียว



ใครที่เคยไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ อุทยานแห่งชาติปางสีดา คงได้เคยพบนกชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายนกเขาทั่วไป แต่ตัวออกสีเขียว บินผ่านหน้ารถยนต์ที่เราขับไป หรือไม่ก็บินนำไปด้านหน้าเมื่อเราขับรถอยู่ในบริเวณเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมักตัดสินไม่ได้ว่านกที่เห็นเป็นนกเขาเขียว หรือ นกเขาเปล้าธรรมดา กันแน่

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาไปดูผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติปางสีดามีโอกาสพบนกที่พูดถึงนี้แหละ อยู่บริเวณริมถนนหากินอยู่โดยไม่ตื่นกลัว จึงได้สังเกตอยู่นานพร้อมบันทึกภาพด้วยกล้อง Digital ธรรมดาๆ

ผลการสังเกตอย่างละเอียด นกที่พบ คือ นกเขาเขียว จุดสังเกตสำคัญ คือปากสีแดง ต่างจากนกเขาเปล้า ธรรมดา ที่ปากสีเหลืองแกมเขียว เอาจุดเดียวก็แล้วกันนะ เพราะส่วนใหญ่เรามักพบนกชนิดนี้ในเวลาสั้นนิดๆ โดยเฉพาะตอนเช้า ๆ หรือตอนเย็น ๆ

วันศุกร์, พฤษภาคม 22, 2552

กระสุนพระอินทร์


กระสุนพระอินทร์เป็นกิ้งกือชนิดหนึ่ง ลำตัวยาวประมาณหนึ่งนิ้วครึ่ง ปล้องมีลักษณะโค้งนิดๆ
อำพรางตัวเพื่อระวังภัยโดยการขดตัวเป็นก้อนกลมเหมือนลูกกระสุน จึงได้ชื่อว่า กระสุนพระอินทร์

นับเป็นวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตที่แปลก ซึ่งอาจพบได้ในป่าธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นต้น สัตว์ที่ชอบขดตัวนอกจากกิ้งกือกระสุนพระอินทร์แล้ว ยังมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกชนิดหนึ่งที่ขดตัวเป็นก้อนกลมเมื่อมีภัยสัตว์ชนิดนั้นก็คือ ตัวลิ่น ลิ่นมีขนาดลำตัวไปถึงหางยาวประมาณ 100 เซนติเมตร เมื่อขดตัวแล้วเป็นก้อนกลมเหมือนลูกฟุตบอล

การขดตัวเป็นการระวังภัยจากสัตว์อื่นๆ ได้ แต่เป็นการระวังภัยที่ใช้ไม่ได้กับมนุษย์ผู้มีสมอง เว้นแต่คำพิพากษาของมนุษย์ว่า...... เมตตา หรือ ประหาร

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 21, 2552

สัญญาณดิบ

เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวเกี่ยวกับสัตว์ป่าคือหมีควายที่ออกมาทำร้ายคนถึงแก่ชีวิตบริเวณเขตชุ่มน้ำทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง รายละเอียดไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมหมีควายจึงออกมาไกลจากแหล่งที่อยู่อาศัย และทำไมต้องทำร้ายคนถึงแก่ชีวิต
ผลจากการกระทำของหมีควายตัวนั้น ไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร... ไม่มีใครสนใจอยากจะรู้ด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่หมีควายตัวหนึ่งและเพียงตัวเดียวได้รับ เป็นความรักพวกพ้องของมนุษย์ที่เรียกสัญชาตญาณดั่งเดิมที่ฝังอยู่ในรากเหง้าโครโมโซม ให้ไปหยิบอาวุธเข้าประหารเจ้าหมีควาย เป็นอาวุธที่มิใช่เป็นเพียงเขี้ยวเล็บเหมือนของหมีควาย แต่เป็นอาวุธปืนทั้งหมดกว่า 300 กระบอก หมีควายถูกสังหารนับได้ไม่น้อยกว่า 60 นัด
แหล่งข่าวรายงานว่าซากเจ้าหมีควายถูกกระทืบซ้ำ ความรักของมนุษย์ที่มีต่อพวกพ้องมีเกินกว่าสัตว์ใด ๆ ในโลกนี้

วันพุธ, พฤษภาคม 20, 2552

ย่านางแดง กับนกกินปลีอกเหลือง


“ย่านางแดง” เป็นไม้เถาชนิดหนึ่ง คล้ายเถากระไดลิงแต่เถาไม่คดและแบนเท่าเถากระไดลิง เหตุที่เขียนถึงย่านางแดง เพราะเข้าใจไขว้เขวว่าย่านางแดงเป็นเถากระไดลิงจากข้อมูลที่ได้รับมาคลาดเคลื่อนนั่นเอง
ย่านางแดงมีชื่อเรียกอื่นว่า เถาขยัน ขยาน(อ้างอิงจาก http://plantlovers.multiply.com/)
ก็เรียกกัน ยอดอ่อนของย่านางแดงกินเป็นผักสดได้ คนภาคเหนือนำมากินแกล้มลาบซึ่งเป็นกับข้าวหลักที่นิยม ดอกของย่านางแดงออกเป็นช่อบานช่อยาวถึง 100 เซนติเมตร บานจากโคนไปสู่ปลายช่อ แต่ละดอกที่ทยอยบานมีน้ำหวานอยู่ภายในทำให้นกชนิดที่ชอบกินน้ำหวานขนาดเล็ก ๆ ในตระกูลนกกินปลี มาเฝ้าอยู่บริเวณต้นไม้ที่มีย่านางแดงเกาะพันและบานดอก เหตุเพราะย่านางแดงบานดอกนานอาจถึง 2-3 เดือนทำให้นกกินปลีสามารถทำรังและเลี้ยงลูกในบริเวณนั้นได้เลย
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะพบ นกกินปลีอกเหลือง นกกินปลีดำม่วง นกกินปลีคอสีม่วง บริเวณต้นไม้ที่มีเถาย่านางแดงอยู่

วันอังคาร, พฤษภาคม 19, 2552

วัยทองหรือวัยเฒ่า

ดูช่างเงียบ ดูจะเหงา ดูเศร้าสร้อย
ดูใจลอย ล่องไป ในทุกหน
ดูเบื่อหน่าย อย่างไร ดูชอบกล
ดูเหมือนคน ไร้สุข ทุกค่ำเช้า
จะบอกไป ให้ใคร ได้รับรู้
ความหดหู่ เหี่ยวใจ ให้อายเขา
คงเป็นเพราะ วัยทอง ของตัวเรา
หรือวัยเฒ่า น่าเบื่อ เหลือทานทน

19 พ.ค. 52

ผีเสื้อถุงทองธรรมดาในสวนสมุนไพร


ถุงทองธรรมดาเป็นผีเสื้อขนาดใหญ่กางปีกได้ถึง 150-170 มิลลิเมตร ความสวยงามของผีเสื้อถุงทองธรรมดาจัดอยู่ในอันดับ “ผีเสื้อราชินีป่าสยาม” เชียวแหละ ชื่อภาษาอังกฤษของเขาคือ Golden Birdwing หากแปลเป็นภาษาไทยกลายเป็น “เจ้านกปีกทอง”แสนสวย นิสัยถุงทองธรรมดาชอบบินช้า ๆ บินสูงจากพื้น 3-4 เมตร บินไปตรงโน้น ไปตรงนี้ เฉิดฉายไปมา ไม่ค่อยมีศัตรู นกไม่ชอบกินเพราะตัวเหนียวมียาง ผีเสื้อถุงทองธรรมดาหาดูได้ยากขึ้นในปัจจุบัน ด้วยพืชอาหาร เช่นกระเช้าสีดา กระเช้าถุงทอง ถูกทำลายหรือมีน้อยลงในธรรมชาติ
วันนี้โชคดีพบถุงทองธรรมดาบินในสวนสมุนไพรศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว คงบินมาขอบคุณคณะนักวิชาการศึกษาที่ไปร่วมงานเทศกาลดูผีเสื้อ ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดาที่เพิ่งจบลงกระมัง
บันทึกภาพโดย กานต์ จำจด นักวิชาการศึกษา นับเป็นผีเสื้อตัวแรกที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว บันทึกไว้

วันจันทร์, พฤษภาคม 18, 2552

เถากระไดลิง ฤาไฉน

























นักพฤกษศาสตร์ช่วยยืนยันด้วยนะครับ ว่าเถาไม้ที่เห็นใช่เถากระไดลิงหรือไม่..โปรดส่งสารที่ http://padupacamp@gmail.com ขอบคุณนะครับ....แท้ที่จริงแล้วคือเถาขยันหรือ ย่านางแดง ยอดอ่อนกินเป็นผักได้ข้อมูลจาก http://plantlovers.multiply.com

สัตว์ป่านักปลูกป่า


วันที่ 15-17 พฤษภาคม 2552 จังหวัดสระแก้วจัดงานเทศกาลดูผีเสื้อที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา ปีนี้ดูคึกคักทั้งหน่วยงานราชการและเอกชนขานรับกิจกรรมกันอย่างสอดคล้อง
ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วก็ไม่นิ่งดูดาย ส่งทีมนักวิชาการศึกษาพร้อมรถอุปกรณ์นิทรรศการธรรมชาติวิทยาและสิ่งแวดล้อม ลงศึกษาธรรมชาติเก็บข้อมูลการจัดกระบวนการเรียนรู้ของงานเทศกาลดูผีเสื้อ ก่อนถึงวันงานจริง ๆ คณะได้เดินศึกษาสำรวจธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดาพบทั้งสัตว์เล็ก ๆ เช่น กระสุนพระอินทร์ซึ่งเป็นกิ้งกือชนิดหนึ่งเมื่อถูกตัวจะม้วนเป็นก้อนกลมกลิ้งได้ พบไก่ป่าหูขาว พบนกต่าง ๆ เช่น เขียวก้านตอง โพระดกหูเขียว ขุนแผน กินปลีอกเหลือง ปรอดเหลืองหัวจุก เขาเขียว จาบคาเคราสีน้ำเงิน พบร่องรอยสัตว์ป่า (รอยตีน)เช่น เก้ง กระทิง หมูป่า ช้างป่า โดยเฉพาะช้างป่า นอกจากจะพบรอยตีนแล้ว ยังพบมูลช้างป่าที่กินลูกไม้แล้วถ่ายไว้จนลูกไม้เจริญเติบโต โดยได้ปุ๋ยจากมูลช้างป่านั่นเอง
ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในป่าบนโลกเรามาช้านานแล้ว สัตว์เกือบทุกชนิดรู้คุณของโลกที่ตนอยู่อาศัยเมื่อได้ประโยชน์จากโลกก็ตอบแทนบุญคุณโลก ดังเช่นกรณีช้างป่าได้กินได้อยู่ในธรรมชาติก็ปลูกป่าคืนให้ธรรมชาติเป็นการตอบแทน มนุษย์เราคิดและทำบ้างหรือไม่

นกจาบคาเคราน้ำเงิน ที่ปางสีดา


เวลาประมาณทุ่มกว่าแล้ว เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาพร้อมคุณกำพลนักดูนกและคณะ นำรถปิคอัพมารับที่บ้านพักเพื่อพาไปส่องสัตว์ ด้วยมีรายงานมาว่าช้างป่าลงกินดินโป่ง เส้นทางส่องสัตว์ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร จากบ้านพักกิโลเมตรที่ 20 ไปสิ้นสุดที่จุดชมวิว รถขับไปเรื่อย ๆ คนส่องไฟ spotlight ก็ทำหน้าที่ ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง บนต้นไม้สูงบ้าง รถวิ่งไปได้ ประมาณ 3 กิโลเมตร บนถนนที่สูงขึ้นไปประมาณ 4 เมตร มีกิ่งไม้แห้งยื่นออกมากลางถนน ภาพผ่านเข้ามาในเงาแสง Spotlight เป็นนกเกาะกิ่งไม้แห้งหลับอยู่ คนส่องไฟส่งสัญญาณให้คนขับรถ ค่อย ๆ ถอยหลังมาจนได้ระยะที่เหมาะ เมื่อไฟส่องชัดเจนภาพที่เห็นคือ แม่นกจาบคาเคราน้ำเงินพร้อมลูก ๆ อีกสามตัวเกาะกิ่งไม้หลับนิ่ง ๆ บางครั้งอ้าปากแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้าลักษณะคล้ายหาว...แม่กับลูกหันหน้าไปฝั่งตรงข้ามกัน จากนั้นเสียงลั่นชัตเตอร์กล้อง 4 กล้องดังเป็นข้าวตอกแตก
เมื่อได้ภาพพอใจแล้วพวกเราทุกคนก็จากมา จาบคาเคราน้ำเงินแม่ลูกยังคงหลับต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นภาพแห่งความสุขนะ

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม 14, 2552

นักรีไซเคิลตัวจริง


ผลิตผลจากความชาญฉลาดของมนุษย์ในศตวรรษที่ผ่านมา (คศ.2000) เกิดขึ้นอย่างมากมาย บางครั้งดูว่าเป็นความฉลาดที่คิดได้แต่สุดท้ายเหมือนจะจบลงด้วยความโง่เสียมากกว่า
ดั่งเดิมผลิตผลที่มนุษย์คิดทำขึ้นใช้ในการดำรงชีวิตเมื่อใช้จนหมดอายุแล้วทุกอย่างจะกลับคืนสู่ธรรมชาติได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่นใบตองห่อข้าว กระดาษห่ออาหาร ปิ่นโตใส่อาหาร (เหล็กเคลือบ) ถุงผ้า (ถุงเป๋อหรือย่ามของชาวเหนือ)ทุกอย่างย่อยสลายได้ แต่ปัจจุบันผลิตผลเกือบทุกอย่างดูดี ใช้ง่าย สะดวกแต่บอกเวลาของการย่อยสลายแทบไม่ได้ หมายความว่าย่อยสลายยากเช่น ถุงพลาสติก โฟมชนิดต่างๆ จึงเกิดปัญหาขยะไปทั่วโลก หลายชาติหาที่ทิ้งขยะไม่ได้ก็แอบเอาขยะมาทิ้งกลางทะเลที่เป็นกลางบ้าง ทิ้งในทะเลเพื่อนบ้านบ้างเป็นข่าวอยู่เสมอ
ทุกอย่างมีที่มา ที่ไป มีเหตุมีผล เพียงแต่ว่าจะเริ่มแก้ไขที่ไหนดี จะแก้ที่ผลของเหตุที่เกิดแล้ว หรือจะแก้ที่เหตุเพื่อไม่ให้เกิดผลที่ไม่พึงปรารถนา
สำหรับคนกลุ่มหนึ่ง(คนเก็บขยะ)ได้เริ่มแก้ไขแล้วแม้ว่าเป็นการแก้ไขเพื่อปากท้องของตนก็ตาม ก็นับว่ามีส่วนคือการคัดเลือกขยะเพื่อนำกลับมาใช้อีกครั้งหรือหลายครั้ง ที่เรียกว่า “Recycle” นั่นเอง.