วันอังคาร, พฤศจิกายน 01, 2554

รถเข็นของใน Super Market




            ในห้าง Super Market ของนคร Melbourne เขามีวิธีสอน  ความมีวินัยให้ผู้คนอย่างหนึ่งที่น่าสนใจ คือใครก็ตามจะใช้รถเข็นก่อนนำรถออกจากที่เก็บต้องใช้เหรียญ (ดอลลาร์) เสียบเข้าไปในเครื่องเล็กๆ จึงปลดล๊อกได้  เมื่อบรรทุกสัมภาระเสร็จเรียบร้อย  ก่อนกลับต้องนำรถเข็นกลับเข้าที่  เสียบอุปกรณ์ต่อพ่วงกับรถเข็นคันอื่นเหรียญ (ดอลลาร์)จึงดีดออกมาได้
            วิธีการดีดีเช่นนี้  ช่วยสร้างวินัยให้กับคนออสเตรเลีย  ให้มีระบบ  มีวินัย  รับผิดชอบและเห็นคุณค่าของเครื่องอำนวยความสะดวก  หากใช้แล้วทิ้งขว้าง เก็บไม่เข้าที่ก็ต้องเสียเงินแน่ 1 ดอลลาร์  คิดเป็นเงินไทยก็ 32 บาทแล้ว  จะยอมนำไปเก็บเข้าที่หรือเสียเงินดีละ ประเทศไทยน่านำมาใช้นะเป็นวิธีการดีดี

ต้นโอ๊กที่ฉันได้เห็น





            ถังไม้โอ๊ก  เป็นถังไม้ที่มีรูปร่างอมตะ  ตอนเด็กดูหนังกลางแปลง  เกี่ยวกับคาวบอยขี่ม้า ยิงปืน  ก็มักเห็นถังไม้โอ๊กที่หมักเหล้า  หมักไวน์  คาวบอยยิงถังไม้โอ๊กเป็นรูให้ไวน์ไหลออกมา  พวกเขาดื่มกินไวน์ที่ไหล  เป็นฉากที่เห็นเสมอ
            วันนี้ได้เห็นต้นโอ๊กเป็นครั้งแรกตอนอายุหกสิบปี  เห็นต้นโอ๊กที่ปลูกอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลหญิง  กลางนคร Melbourne ประเทศออสเตรเลีย  ความสวยงามของผิวที่แตกขณะที่เติบโต    การดูแลรักษาต้นไม้ ตกแต่งได้สวยงาม  หากมีการตัดแต่งก็ดูแลบาดแผลอย่างดี  ความรักที่มีต่อต้นไม้  เป็นเสน่ห์ของคนออสเตรเลียที่น่านำมาเป็นเยี่ยงอย่างของคนทั้งโลก

ดอกไม้หน้าบ้าน





            ชาวออสซี่ (AUSSIE) โดนเฉพาะที่นคร Melbourneชอบปลูกดอกไม้ที่สวยงามหลากหลายชนิดพันธุ์ไว้หน้าบ้าน  บ้านส่วนใหญ่ไม่มีรั้ว  เมื่อเราเดินบนถนนคนเดินซึ่งเป็นถนนจักรยานด้วย  มองเข้าไปในบ้าน  เห็นสวนดอกไม้ที่สวยงามมาก  ถ้าปลูกกุหลาบก็เป็นกุหลาบดอกโตๆ สีแดงเข้ม  ชมพู  ขาว  ขอบของสวนตกแต่งด้วย Blue Stone เป็นหินสีเข้มออกน้ำตาลปนน้ำเงิน  รอบ ต้นไม้โรยด้วยหินภูเขาไฟที่เรียกกันว่า หินพัมมิส  ไม้ดอกสีสวยงามต้นโตไม่รู้จักชื่อ  ไม้ผลก็นิยมปลูกประดับสวน เช่น มะนาวเลมอน  แอปปิคอท  แอปเปิล เป็นต้น
            สรุปว่าบ้านทุกบ้านช่วยกันสร้างความสวยงามให้ชุมชนและประเทศออสเตรเลีย

ให้อาหารนกถูกจับปรับแน่





            นกที่พบเห็นกลางนคร Melbourne น่าตาแปลกไปจากนกบ้านเรา เช่น นกกาขาวดำ  ตัวคล้ายกาแต่มีสีดำขาว  ส่วนนกแก้วสีเขียวบริเวณหน้าอกกลับมีสีรุ้งสวยงามมาก  นกดูเชื่องไม่กลัวคน  หากินอยู่ในเมืองที่เคยเป็นถิ่นที่อยู่เดิมของเขา   ออสเตรเลียจึงมีกฎหมายห้ามคนให้อาหารนก  โดยมีป้ายกำกับไว้  ใครก็ตามที่ให้อาหารนกถูกจับปรับแน่เป็นเงิน 215 ดอลลาร์ คูณด้วย 32 บาท คิดเป็นเงินไทย 6880  บาท
            ประเทศออสเตรเลีย คนรักษากฎหมาย  เคารพกฎหมาย  แม้ว่ามีคนเกือบทั่วโลกเข้ามาอยู่อาศัยในออสเตรเลีย   ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย  จึงทำให้ประเทศออสเตรเลียเป็นเมืองน่าอยู่อาศัยอันดับต้นของโลก

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น





            เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม คล้ายว่าทั่วโลกต่างนัดหมายให้ออกมารณรงค์ให้ชาวโลกตระหนักถึงความเหลื่อมล้ำ  ฐานะความเป็นอยู่ด้วยเหตุผล “คนรวยยิ่งรวยขึ้น  คนจนยิ่งจนลง” ที่นคร Melbourne ก็มีกลุ่มคนออกมารณรงค์เช่นกันประมาณ 1000 คน กลางเมืองบริเวณจัตุรัสสาธารณะมีการชูป้าย  มีการใช้ชอล์กเขียนข้อความบนพื้นถนน  ตำรวจมาเตรียมความพร้อม  ทั้งตำรวจธรรมดาและตำรวจม้า  ดูแล้วตื่นเต้นดี แต่ก็ไม่มีความรุนแรงใดๆ พอฝนตกการชุมนุมก็ดูกร่อยลง  หลายคนก็เข้าไปนั่งจิบกาแฟที่ร้านริมทาง  เด็กหญิงตัวเล็กถอดเสื้อผ้าลงไปเล่นน้ำพุสนุกสนาน  ผู้ใหญ่หัวเราะชอบใจไม่รู้ว่าลูกหลานใคร  อุณหภูมิประมาณ 18-19 C  ฝรั่งปล่อยลูกสู้ธรรมชาติด้วยความสนุก  นี่คือความต่างของต่างชาติกับไทยเรา

Wildlife park





            ใครมา Australia ไม่ได้ถ่ายรูปกับจิงโจ้ คงถูกประณามว่ามาไม่ถึงออสเตรเลียแน่ๆ  ถ้าจะต้องถ่ายรูปกับจิงโจ้โดยการป้อนอาหารให้จิงโจ้ก็ต้องไปที่ Wildlife park เป็นปาร์คของเอกชน  อยู่ที่เมือง BALLARAT จิงโจ้สีน้ำตาลเชื่องมาก  แต่ต้องระวังจิงโจ้ตัวผู้ขนาดโตอาจทำร้ายเราได้  ถ้าอารมณ์เสียหรือให้อาหารผิดวิธี เช่น ให้ๆ หลอกๆ วิธีให้อาหารที่ถูกต้อง คือ นั่งลงหรือก้มลงโดยอาหารอยู่ในฝ่ามือ  จิงโจ้เกาะมือไว้ กินอาหารในมือเรา
            นอกจากจิงโจ้แล้วยังมี  นกอีมู  หงส์ดำ  เป็ดป่า  หมี โคอล่า (Koala) ดาราของ Wildlife Park

The Great Ocean Road เส้นทางมหัศจรรย์







            จากนคร Melbourne เดินทางไปทิศตะวันตก  ผ่านเมือง Geelong ลงเลียบชายหาดมหาสมุทรที่เมือง Tarquay ไปเมือง Lorne พักค้างคืนที่ Resort ชื่อ Cumberland   รุ่งขึ้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางริมมหาสมุทรบนถนน  ที่ชื่อว่า The Great Ocean Road เป็นถนนที่สวยงามและมหัศจรรย์  ที่บรรพบุรุษชาวออสเตรเลียสร้างไว้ให้ลูกหลาน  อีกประมาณ 140 กิโลเมตรไปสิ้นสุดการเดินทางเลียบฝั่งมหาสมุทรที่ Port Campbell บนเส้นทางการเดินทางเป็นเช่นไรขอเล่าถึงความประทับใจในความมหัศจรรย์ของเส้นทางนี้
            ปลายเดือนตุลาคม ฝนตกตลอดทั้งวัน  มีหมอกเป็นระยะ  อุณหภูมินอกรถบอก 12 C ทางคดโค้งไปริมมหาสมุทร  ลมคลื่นแรง   ชาวออสซี่นำกระดานโต้คลื่นสวมชุดยางกันความเย็นลงเล่นโต้คลื่น  บางช่วงถนนผ่านหุบเขาเป็นทุ่งหญ้าลดหลั่น  เกษตรกรทำปศุสัตว์  วัวเนื้อ  วัวนม  แกะ  มีสัตว์ป่าคือจิงโจ้แคระ (Wallaby) สีน้ำตาลดำให้เห็นเป็นระยะ  ด้านซ้ายมือของถนนมีเนินทราย กั้นระหว่างถนนกับมหาสมุทร  เนินทรายนี้เกิดการทับถมมาเป็นแสนเป็นล้านปี เรียกว่า Sand Dune ตลอดทางถ้าไม่มีหมู่บ้านเล็กๆ เพื่อนเดินทาง คือ วัว แกะ และจิงโจ้  ถนนในประเทศออสเตรเลียไม่มีหลักกิโลเมตร  มีป้ายบอกชื่อเมืองและบอกระยะทางแทนหลักกิโลเมตร  การพยากรณ์อากาศเป็นข้อมูลที่สำคัญสำหรับคนออสเตรเลียอย่างมาก  การพยากรณ์อากาศเชื่อถือได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์  ทุกคนก่อนออกจากบ้านต้องฟังพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง
            ความประทับใจบนเส้นทางบูรณาการที่ชื่อ The Great Ocean Road เป็นทั้ง ความสวยงาม  ความมหัศจรรย์ในความ วิริยะ อุตสาหะ ของบรรพบุรุษชาว AUSSIE  ที่สร้างทาง  สายนี้ไว้

Melbourne นครที่น่าอยู่อันดับหนึ่งของโลก





            ปีนี้ (พ.ศ.2554) นิตยสารทางธุรกิจทั่วโลกได้ลงคะแนนให้นคร Melbourne เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก  การตัดสินไม่เกินความเป็นจริงเลย
            จากการได้ท่องเที่ยวไปทั่วนคร Melbourne พร้อมคำอธิบายของพี่ณรงค์ศักดิ์    จันมีศรี ได้เห็นตัวตนที่บอกว่าน่าอยู่อาศัยของ Melbourne ขอสรุปเป็นคำสำคัญไว้ดังนี้
-          ภูมิประเทศ สวยงาม  มีทะเล ภูเขา พื้นที่สูงต่ำลดหลั่น ถนนสวยงาม
-          อากาศสบายไม่ชื้นเกินไป
-          บ้านเรือนที่อยู่อาศัยปลูกสร้างตามมาตรฐาน (กฎหมายกำหนด) ปลูกดอกไม้หน้าบ้าน ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น หินพัมมิส  Blue Stone และเศษต้นไม้ที่ย่อยเป็นชิ้นเล็กแล้ว
-          การวางผังเมืองสวยงามตามภูมิประเทศ ทำให้น้ำเดินทางได้สะดวก
-          วิถีชีวิตผู้คนได้นันทนาการ เช่น มีสถานที่ออกกำลังกาย  เส้นทางขี่จักรยาน  ชายหาดเล่นเรือใบในอ่าว สวนสาธารณะ แม่น้ำและบึงสำหรับกรรเชียงเรือ
-          ต้นไม้ นก จิงโจ้ แกะ วัว ดอกหญ้าที่สวยงาม
-          กฎหมายที่คนเคารพ

BARBECUE สาธารณะ




            รัฐบาลออสเตรเลีย  เป็นรัฐบาลที่เก็บรายละเอียดในการดูแลวิถีชีวิตของประชาชนในประเทศของเขา  ใครก็ตามที่เป็นประชากรของประเทศ  แม้มาจากต่างเชื้อชาติทั่วโลก ต่างได้รับความเสมอภาคในการเข้าถึงบริการสาธารณะที่ดีเยี่ยมของรัฐทุกคน  ยกตัวอย่างเช่น  บริเวณสวนสาธารณะ  รัฐจัดทางวิ่งให้ออกกำลังกาย  ทางวิ่งก็เป็นทรายอัดแน่นไม่กระเทือนต่อเท้าขณะวิ่ง  มีจุดดื่มน้ำสาธารณะ  ริมแม่น้ำ YARRA รัฐติดตั้งเตาบาบีคิว  (BARBECUE) ให้ทุกคนได้ใช้  เมื่อมาใช้บริการเป็นกลุ่ม  ทุกอย่างฟรี แก๊สก็ฟรี  แก๊สที่ใช้ย่างบาบีคิว เป็นแก๊สธรรมชาติ อาหารจึงไม่มีกลิ่นเหม็น
            ริมแม่น้ำ YARRA มีการฝึกพายเรือ ฝึกกรรเชียงตามสายน้ำริมตลิ่ง  หงส์ดำกกไข่ ฝักลูกน้อย  ทุกอย่างดูดี ดูมีความสุข  ชาวออสเตรเลียยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายด้วยมิตรไมตรีที่น่ารัก

สัญญาณไฟปล่อยรถที่ละคู่



            ถนนไฮเวย์ในนคร Melbourneมีสัญญาณไฟที่แปลกอยู่สัญญาณหนึ่ง คือ สัญญาณปล่อยรถจากถนนที่เข้าบรรจบกับถนนไฮเวย์   ถ้ารถบนถนนไฮเวย์เคลื่อนตัวช้าเกือบติด  สัญญาณไฟจากถนนร่วม  เปิดไฟเขียว 1 วินาที แล้วเปลี่ยนเป็น ไฟเหลือง ไฟแดง โดยไฟแดงอาจเป็น 5 วินาที 7 วินาที 9 วินาที จึงเป็นไฟเขียวอีกครั้ง  ทำให้รถเคลื่อนเข้าร่วมถนนไฮเวย์ทีละสองคัน  การจราจรจึงไม่ติดขัดหนาแน่น  ส่วนรถที่จะเข้าร่วมก็เคลื่อนตัวได้ตลอดแม้จะช้าไปบ้างก็ถือว่าเคลื่อนตัวได้ตลอดเวลา
            นับว่าเป็นสัญญาณไฟที่แก้ปัญหาได้ดี  ในระดับที่ตอบความจริงตามสภาวการณ์อย่างมีเหตุผล  โดนความรู้สึกดี

ลูกแอปปิคอทที่สวนหลังบ้าน





            ลูกสาวคนเดียว ชอบสั่งซื้อของเมื่อเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิว่า คุณพ่อซื้อบ๊วยกวนที่ร้านดอยคำโครงการหลวงที่สนามบินให้ลูกด้วย ที่ข้างซองเขียนว่า แอปปิคอท(Apricot)ซองละยี่สิบสองบาท   เคยสงสัยว่าแอปปิคอท คือบ๊วยใช่หรือไม่ แต่ไม่เคยสืบค้นหาความจริง 
            บ่ายวันเสาร์กลางเดือนตุลาคมที่นคร Melbourne  พี่เหน่งพาไปดูบ้านที่ให้นักเรียนไทยอาศัย  เดินไปหลังบ้านแล้วบอกว่า พี่จะพาไปดูต้นแอปปิคอท กำลังออกลูกแต่ยังไม่แก่นะ  ต้องขนาดสักอีกเท่าตัวถึงจะกินได้อร่อย  ต้นที่หลังบ้านเราลูกไม่โตแต่อร่อยดี  ต้นโน้นของคนข้างบ้านลูกโตกว่า
            ลูกแอปปิคอทหน้าตาเป็นแบบนี้เอง  แม้เป็นไม้เมืองหนาวแต่ก็สามารถนำมาปลูกที่ภาคเหนือของไทย  จนสามารถทำเป็นบ๊วยกวนของโครงการหลวงดอยคำได้

มารู้จักต้นแอปเปิลกันเถอะ





            แอปเปิล อาจจัดเป็นผลไม้ที่มีประชากรทั่วโลกรู้จักมากที่สุดก็ว่าได้  ถ้าไม่นับว่ากล้วยเป็นผลไม้ด้วยนะ  คนทั่วโลกเคยเห็นแอปเปิล ทั้งแอปเปิลเขียว  แอปเปิลแดง  แอปเปิลชมพู  และเคยรับประทานแอปเปิลทุกสีมาแล้ว  แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์  ที่เคยรับประทานแอปเปิล  ไม่เคยเห็นต้นแอปเปิลว่าหน้าตาเป็นอย่างไร
            ผู้เขียนเพิ่งเห็นต้นแอปเปิล  เห็นดอกแอปเปิล  แต่ไม่เห็นผลแอปเปิลบนต้น  เพราะที่ออสเตรเลียเดือนตุลาคม  แอปเปิลเพิ่งออกดอก  องุ่นก็เพิ่งออกช่อ  ถ่ายภาพมาให้ดูก่อนนะ  มีโอกาสจะถ่ายภาพแอปเปิลเต็มต้นองุ่นเต็มเถามาให้ดู  ไม่รู้อีกเมื่อไรอาจรอให้แอปเปิลสุกก่อนนะ

ดูนกกระตั้วแกะเมล็ดทานตะวันที่ DANDENONG





            แดนดินอง เป็นเทือกเขาที่เต็มไปด้วยต้นสนที่สูงมากๆ ทั้งโตและตรง  แดนดินองห่างจาก Melbourne ประมาณครึ่งชั่วโมง  ที่ออสเตรเลียบอกความไกลด้วยเวลาของการขับรถแทนกิโลเมตรหรือไมล์  เพราะออสเตรเลียไม่มีหลักกิโลเมตรบอกระยะทาง
            เมื่อรถไปจอดในบริเวณสถานที่จำหน่ายของมีรถ Coach นักท่องเที่ยวจอดอยู่ 2-3 คัน พี่เหน่ง (ณรงค์ศักดิ์  จันมีศรี) ถือถุงเมล็ดทานตะวันไว้ด้านหลัง  นกกระตั้วเดินตามไปเป็นฝูง  จากนั้นเรากำเมล็ดทานตะวันไว้ในมือ ที่สวมถุงมือยางพารา  นกกระตั้วบินขึ้นเกาะแขน  หัว ไหล่เต็มไปหมด   นกแก้วสีแดงพยายามจะเข้ามาร่วมวงกินเมล็ดทานตะวัน  แต่ถูกนกกระตั้วที่ตัวโต   กว่าจิกไล่ให้จากไป
            นับเป็นการใกล้ชิดนกป่าเป็นครั้งแรกและคงเป็นครั้งเดียว  ในประเทศไทยไม่มีนกป่าชนิดใดใกล้คนเช่นนี้  เพราะตัวที่ใกล้คนตายไปหมดแล้ว

กำแพงเก็บเสียง





            ถนนไฮเวย์กลางนคร Melbourne หากอยู่ใกล้ชุมชนมีบ้านเรือนผู้คนอยู่อาศัย  สองข้างทางเขาสร้างกำแพงสูงประมาณ 5 เมตร ตลอดเส้นทาง  ผนังกำแพงเหมือนมีรอยแกะสลักลึกเป็นเหมือนภาพศิลป์อยู่บนผนังกำแพงตลอดแนว  ตอนแรกคิดว่า “ดีนะที่ Melbourne กำแพงข้างถนนไฮเวย์ก็เป็นงานศิลป์ด้วย”  พี่เหน่ง มัคคุเทศก์ที่พาชมเมืองคงอ่านใจออกชิงบอกว่า  “ภาพที่เห็นบนกำแพงไม่ได้มีความหมายอะไรหรอก  ที่เขาแกะให้เป็นรอยลึกทำให้กำแพงไม่สะท้อนเสียงด้วยผิวกำแพงไม่เรียบนั่นเอง”  เออใช่เลย   ผิวกำแพงที่ไม่เรียบทำให้กำแพงสองฝั่งถนนไฮเวย์เก็บเสียงได้ดี

โรงเรียนปฐมวัย Early Learning Centre





            นคร Melbourne เมืองหลวงรัฐวิคตอเรีย ของเครือรัฐออสเตรเลีย  มีการจัดการศึกษาให้เด็กปฐมวัยที่เรียกว่า Early Learning centre ซึ่งเป็นส่วนล่างสุดของ Presbyterian Ladies College Junior School ได้เห็นเด็กผู้หญิงน่ารัก อายุอยู่ในช่วง 3-4 ขวบ ได้รับการฝึก การเรียนรู้ในลักษณะทักษะชีวิตเบื้องต้น ที่เด็กหญิงต้องช่วยตัวเอง เช่นการใช้เครื่องสุขภัณฑ์ขนาดเล็กๆด้วยตนเอง มีระบบการเรียนรู้การทดลองฝักไข่ไก่ให้ออกเป็นลูกเจี๊ยบ  การเก็บขยะกลับบ้านทุกวัน  ใน centre มีเด็ก จำกัดอยู่เพียง 22 คนเท่านั้น  ระบบความปลอดภัยในการรับส่ง และการจัดตั้งเรื่องราวของการเรียนรู้ไว้อย่างดีมาก
            นับเป็นความใส่ใจและเป็นแบบอย่างการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยที่ดีมาก ที่ควรเป็น Best Practice ให้นักการศึกษาได้เรียนรู้

เมืองจำลองยุคตื่นทอง BALLARAT





            เมือง BALLARAT ในอดีตประมาณ 150 ปี  มีการทำเหมืองทองคำ มีการขุดทอง  มีการสู้รบ มีเรื่องราวมากมายที่เป็นประวัติศาสตร์ให้อนุชนชาวออสเตรเลียได้เรียนรู้
            ปัจจุบัน BALLARAT มีการสร้างเมืองจำลอง(ขนาดและสภาพเหมือนจริง)บอกเล่าเรื่องราว  เหตุการณ์  วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในสมัยยุคตื่นทองไว้อย่างน่าสนใจ  ทุกอย่างน่าประทับใจมาก  ยากที่จะบรรยายได้หมด  ขอเขียนถึงสิ่งที่ประทับใจบางอย่างก็แล้วกัน
            บริเวณเนินเล็กๆ หน้าบ้านหลังหนึ่งที่ Sovereign Hill ถูกจัดเป็นสวนดอกไม้รูปวงกลม  ตรงกลางจัดตั้งนาฬิกาแดดไว้  นาฬิกาแดดบอกเวลาได้ตรงมาก  ภูมิปัญญาของคน 150 ปีแล้ว น่าชื่นชม  ถึงแม้สิ่งที่แสดงเป็นเมืองจำลองแต่นาฬิกาแดดเป็นของจริงในอดีต
            สิ่งที่น่าสนใจมีมากมาย ณ ที่แห่งนี้หากมีโอกาสควรได้มาเรียนรู้


The University of Melbourne






มหาวิทยาลัยแห่งนคร Melbourne เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐวิคตอเรีย ที่มีความเก่าแก่ อาณาบริเวณสวยงามด้วยศิลปะหลายยุคสมัยถ้าดูจากบันทึกบนตึกบนอาคารแล้ว มหาวิทยาลัย Melbourne เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1856 นับถึงปัจจุบัน ประมาณ 150 ปีแล้ว มีสิ่งปลูกสร้างและเรื่องราวมากมายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ผู้เขียนโชคดีที่มีศิษย์เก่าคือ พี่เหน่ง (ณรงค์ศักดิ์ จันมีศรี) กรุณาเป็นมัคคุเทศก์นำชมมหาวิทยาลัยพร้อมอธิบายประวัติศาสตร์สถานที่ให้ฟัง คงเขียนได้สักสิบเปอร์เซ็นต์ที่พี่เหน่งเล่าให้ฟัง เริ่มเลยนะ
-          ที่จอดรถอยู่ใต้ดินใต้ถนนมีลิฟต์ ลงไป 4 ชั้น มีทางเดินจากมหาวิทยาลัยลงไปที่จอดรถได้
-          กำแพงหินแท่งสี่เหลี่ยม สี่มุม ที่มีตาข่ายล้อมรอบ เป็นที่ระบายอากาศใต้ดินของชั้นจอดรถทำให้ดูเป็นศิลปะ
-          อาคารเก่าๆ ที่รัฐขึ้นทะเบียนไว้ห้ามรื้อหรือต่อเติม มหาวิทยาลัยซื้อไว้ซ่อมแซมเพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
-          อาคารเรียนแต่ละตึกเป็นตึกโบราณสร้างหลายยุบอกปี ค.ศ.ไว้เช่น 1856,1920,1930 ล้วนแล้วแต่สวยงามทั้งสิ้น
-          มีอาคารโบราณหลังหนึ่งเป็นที่เก็บพระไตรปิฎกฉบับคอมพิวเตอร์ที่ประเทศไทยมอบให้มหาวิทยาลัย Melbourne
-          ป้ายต้อนรับขนาดใหญ่ แทรกด้วยต้นไม้ ดอกไม้ เป็นธรรมชาติมาก
-          กลางสนามมีนาฬิกาแดดทองเหลือง ที่บอกเวลาได้จริงของเก่าโบราณ
อื่นๆอีกมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าประมาณ 50 ปี ที่ผ่านมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยเสด็จมารับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ทูลถวายแด่พระองค์ท่าน