วันศุกร์, ธันวาคม 18, 2552

ความต่างระหว่างญิ่ปุ่นกับไทย



มิได้เขียนว่าญี่ปุ่นดีกว่าไทยอย่างไร แต่เขียนถึงญี่ปุ่นมีบางอย่างที่ไทยเราไม่มี ซึ่งเป็นสิ่งที่อาจนำมาพิจารณาว่าหากไทยเรามีสิ่งเหล่านี้จะดีหรือไม่ เพราะญี่ปุ่นเขาทำสิ่งเหล่านี้แล้วประเทศชาติเขาเจริญพัฒนาดีขึ้นตลอดเวลา ขอเขียนความต่างเป็นข้อๆดังนี้
ข้อแรก ญี่ปุ่นมีบุคคลรับผิดชอบถังขยะส่วนตัวโดยมีการแยกชนิดของขยะ มีองค์กรบริษัทหรือหน่วยงานทุกแห่งรับผิดชอบขยะโดยแยกประเภทขยะของตน
ข้อที่สอง ประชาชนญี่ปุ่น มีความหนาแน่น คนญี่ปุ่นจึงเข้าคิวเพื่อให้เกิดลำดับก่อนหลังไม่ว่าเพื่อซื้อของ เพื่อใช้บริการห้องน้ำ ทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมโดยอัตโนมัติ
ข้อที่สาม ความตรงต่อเวลา ทั้งเครื่องบิน และรถไฟเดินทางตรงเวลา หากเวลาต่างกันเพียง 1 นาที รถไฟก็อาจเป็นคนละขบวนกันแล้ว เครื่องบินก็เช่นกัน เครื่องบินขึ้นจากสนามบินต่อเนื่องกันเป็นนาที ความไม่ตรงต่อเวลาอาจทำให้พลาดโอกาส เสียโอกาส สุดท้ายอาจเป็นผู้ด้อยโอกาสไปในที่สุด
ข้อที่สี่ การเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยเหลือสังคม อาจพบผู้สูงอายุเป็นอาสาสมัครช่วยดูแลสังคม เช่นเป็นคนกวาดถนนและกวาดหิมะในสวนสาธารณะ เป็นยามเปิดประตู เป็นผู้บรรยายในพิพิธภัณฑ์
ข้อที่ห้า ญี่ปุ่นคำนึงถึงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาก ทั้งความเป็นอยู่ อาหารการกิน ความสะอาด การประหยัดพลังงาน การให้ทรัพยากร การดูแลโลกทั้งใบ มีการปลูกฝังให้เด็กเยาวชนเข้าใจถึงความจำเป็นในการดูแลโลก (SAVE EARTH)

เรียนรู้ ดูงาน ทัศนศึกษา ประเทศญิ่ปุ่น 2552





































เรียนรู้/ดูงาน/ทัศนศึกษา/ประเทศญี่ปุ่น
TOKYO ,YOKOHAMA , ASAHIKAWA ,SUPPORO
11-16 ธันวาคม 2552

· ทัศนศึกษา - สวนสาธารณะไม้ดัดบริเวณหน้าพระมหาราชวังอิมพิเรียล
- SEA PARADISE ที่ YOKOHAMA
· ดูงาน - Tsukuba Science City เมืองวิทยาศาสตร์แห่งมหานครโตเกียว
- Miraikan ศูนย์แห่งอนาคตเรื่องของ โลก ดาราศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์พลังงาน แห่งมหานครโตเกียว
- พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ National Museum of Nature and Science แห่งมหานครโตเกียว
- Asahikawa Science Center ศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งเมือง ASAHIKAWA เรื่องของท้องฟ้าจำลอง และกล้องดูดาวกลางวัน – กลางคืน
-Science Museum in Japan พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งมหานครโตเกียว
· เรียนรู้วิถีชีวิต และ วัตนธรรม
- คนลากรถ
- คนไร้บ้าน
- หิมะแรกที่ ASAHIKAWA
- สุขภัณฑ์ญี่ปุ่น

วันพุธ, ธันวาคม 02, 2552

ปี 2552 ปีทองของชีวิต


เมื่อวันที่ตัดสินใจรับราชการรับใช้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำได้วันนั้นคือวันที่ 1 กันยายน 2519 ได้เขียนในสมุดบันทึกว่า “เราจะตั้งใจรับราชการเป็นข้าราชการที่ดีซื่อสัตย์สุจริต ทำเพื่อประชาชนทุกคนไม่เลือกยากดีมีจนไปจนถึงวันเกษียณอายุราชการ” ตลอดเส้นทางการทำงานเริ่มจากตำแหน่ง อาจารย์ 1 อาจารย์ 2 สอนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ นักเรียนระดับมัธยมต้น มัธยมปลาย สู่เส้นทางการบริหารจากหัวหน้าศูนย์ 1 หัวหน้าศูนย์ 2 ถึงผู้อำนวยการสถานศึกษา ความฝันที่แอบฝันตลอดมาคือ การได้รับการคัดเลือกไปดูงานต่างประเทศสักครั้งหนึ่ง หากโชคดีมีวาสนา ความฝันสุดท้ายคือได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย คือที่สุดของชีวิตการเป็นข้าราชการ
ปีนี้ 2552 เป็นปีทองของชีวิต ด้วยได้รับการคัดเลือกจากท่านเลขาธิการ กศน. (ท่านอภิชาติ จีระวุฒิ) ให้ไปศึกษาดูงานถึง 2 ครั้ง ในเดือนสิงหาคม ไปดูงานที่ประเทศออสเตรเลีย นครซิดนีย์ และ นครแคนเบอร่า และในเดือนธันวาคม ไปประเทศญี่ปุ่น นครโตเกียว เมืองโยโกฮามา และเมืองอาซาฮิกาว่า เมืองซับโปโร บนเกาะฮอกไกโด
จึงขอตอบแทนบุญคุณราชการโดยการเขียนหนังสือเพื่อมอบให้ห้องสมุดและแหล่งเรียนรู้ของ กศน. ทั่วประเทศ จำนวน 2 เล่ม
· เล่มแรก พิมพ์เดือนสิงหาคม 2552 ชื่อเรื่อง ธรรมชาติกลางฤดูฝน ณ อุทยานแห่งชาติตาพระยา มิถุนายน 2552
· เล่มที่สอง พิมพ์เดือนธันวาคม 2552 ชื่อเรื่อง บันทึกธรรมชาติเล่มแรก

วันอังคาร, ธันวาคม 01, 2552

บ่อน้ำพุร้อนที่ควนแคง


คำว่า “ควน” ในภาษาใต้แปลว่า “เนินเขา” คำว่า “แคง” แปลว่า “เอียง” คำว่า “ควนแคง” จึงหมายถึงเนินเขาเอียง ๆ บ่อน้ำพุร้อนที่ควนแคงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งเป็นเขตอนุรักษ์อยู่ในจังหวัดตรัง สถานที่แห่งนี้มีบ่อน้ำพุร้อนอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียสในบ่อน้ำพุมีสาหร่ายที่สามารถปรับตัวและเจริญงอกงามได้ในน้ำร้อนถึง 70 องศา เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลบ่อน้ำพุร้อนให้บริการนักท่องเที่ยวโดยการทำห้องเล็กเป็นหลัง ๆ เพื่อการแช่น้ำพุร้อนโดยเก็บค่าบริการ คนละ 20 บาท แช่นานเท่าใดตามใจนักท่องเที่ยว ส่วนบริเวณที่ทำการมีนวดแผนโบราณไว้บริการชั่วโมงละ 150 บาท
บ่อน้ำพุร้อนที่ควนแคงนับเป็นแหล่ง “สปา”ธรรมชาติของประเทศซึ่งน่าปรับปรุงพัฒนาประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวางสู่สากล เพื่อรองรับการท่องเที่ยวการบำบัดของคนไทยและชาวต่างชาติ

การเรียนรู้ผ่านความห่วงใยและความเอื้ออาทร


เมื่อวันวาน อาสาสมัครอาวุโสญี่ปุ่นสามีภรรยาเดินมาเคาะประตูห้องถือซองพลาสติกใส่เงินเยน (เงินตระกูลญี่ปุ่น) มาพบและพูดคุยอธิบายถึงเงินราคาต่าง ๆ กันให้ดูโดยเริ่มตั้งแต่เหรียญ 1 , 5 , 10 , 50 , 500 เยน และแบงค์ 1000 เยน เหมือนบอกให้รู้ว่าเงินเยนมีราคาดังนี้นะ หลังจากฟังอาสาสมัครอธิบายแล้วจึงถามว่า “เงินเยนที่มีราคาสูงสุดคืน 1000 เยนใช่ไหม...เขาบอกว่า 10,000 เยน แต่ไม่ได้นำมา” เมื่ออธิบายเสร็จเขาสื่อสารว่า เงินเยนทั้งหมดยกให้ด้วยรู้ว่าจะไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในกลางเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้
ชาวญี่ปุ่นมีวิธีสอนให้เรียนรู้โดยเฉพาะเรียนรู้เรื่องเงินซึ่งจะต้องนำไปใช้ในเวลาที่ใกล้ถึงนี้ผ่านความห่วงใยและความเอื้ออาทรนับเป็นวิธีการสอนที่สุดยอดจริง ๆ

เรื่องของเมฆ






มนุษย์เราตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา รู้จักเมฆเฝ้ามองเมฆและปรากฏการณ์ที่เกิดบนท้องฟ้า โดยมองด้วยมุมเงยคือมองจากพื้นดินขึ้นไป แน่นอนที่สุดว่ามุมมองในลักษณะเช่นนี้ ไม่สามารถมองเห็นส่วนที่ซ่อนเร้นของเมฆได้ มาปัจจุบันนี้ มนุษย์มียานพาหนะที่บินขึ้นไปเหนือฟ้าได้มุมมองในการมองเมฆจึงเป็นอีกมุมมองหนึ่ง
วันก่อนมีโอกาสเดินทางโดยเครื่องบินในประเทศจากสนามบินดอนเมืองไปจังหวัดตรัง ขณะที่เครื่องบิน บินในระดับความสูง 10,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ภาพเมฆที่ปรากฏอยู่ด้านล่างเครื่องบินสวยงามมากเป็นเหมือนปุยฝ้ายสีขาวปนเทา เป็นคลื่นเหมือนท้องทะเลที่มีฟองละเอียด เป็นปุยเมฆที่เห็นเป็นผืนใหญ่นี่คือเมฆที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “อัลโตคิวมูลลัส” เครื่องบิน บินเหนือเมฆไปได้ประมาณ 30 นาที นักบินพาเครื่องบิน บินผ่านขอบก้อนเมฆขนาดยักษ์สีขาวปนเทาสูงตระหง่าน เมฆชนิดนี้เป็นเมฆที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก ฟ้าผ่า หิมะตกได้ ซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า “เมฆคิวมูโลนิมบัส”
เมฆทั้งสองชนิดเกิดขึ้นต่อเนื่องและสัมพันธ์กันภาพทั้งสองภาพถ่ายจากหน้าต่างเครื่องบินฝั่งซ้ายดูแล้วสวยงามน่าประทับใจ

วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 26, 2552

โบชิ(boshi)หมวกกระดาษของเด็กชาย



คุณ KAZUMI MANABE ภรรยาของอาสาสมัครอาวุโสจากญี่ปุ่น(คุณ MANABE) เป็นสตรีที่มีความตื่นตัว สดใส สนุกสนาน อารมณ์ดี ห่วงใย และบริการทุกคนที่อยู่ใกล้ตัวด้วยความใส่ใจ ยามว่างเธอหากระดาษมาสอนเด็กๆพับเป็น ของเล่น ของใช้ เป็นนก เป็นหมวก ดังในภาพ คุณ KAZUMI สอนเด็กพับหมวกที่เรียกว่า”โบชิ”เพื่อสวมใส่ “คาบูโตะ”เป็นหมวกของเด็กผู้ชาย เด็กๆที่มาเรียนพับกระดาษได้ความรู้และเพลิดเพลินกับกิจกรรมดีดี ขอขอบคุณ JICA ไว้ ณ โอกาสนี้

วันพุธ, พฤศจิกายน 25, 2552

อาสาสมัครญี่ปุ่นมีวิธีการเรียนรู้อย่างไร


ตุลาคม 52 - กันยายน 53 นับเป็นเวลาดีดีของชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว ที่ได้รับความกรุณาจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ส่งอาสาสมัครอาวุโส คุณ NORIAKI MANABE มาร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคลากรศูนย์วิทย์ฯทุกคน และกับนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่เข้าชมนิทรรศการวิทยาศาสตร์ในศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว

เวลาผ่านไปหนึ่งเดือน ได้เห็นกระบวนการเรียนรู้ของคุณ MANABE และภรรยา เป็นรูปแบบที่ควรทำและปฏิบัติตาม ดังนี้ การเรียนรู้ทุกเรื่องใช้วิธีพยายาม พูดเป็นคำ จดเป็นคำบันทึกภาพเรื่องที่จด เปิดพจนานุกรม ญี่ปุ่น - อังกฤษ - ไทย ทีละคำ ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นเวลา กิน,เที่ยว,หรือเวลางาน ถือว่ากระบวนการเรียนรู้ใช้วิธีบูรณาการทำไปพร้อมๆกับกิจกรรมในวิถีชีวิต นับเป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ดี เป็นธรรมชาติและเกิดการเรียนรู้ได้เร็ว ในเวลาสั้น ๆ คุณ MANABE สามารถเข้าใจภาษาไทยและกิจกรรมต่างๆมากขึ้น ชนชาติที่เจริญแล้วพัฒนากระบวนการเรียนรู้ที่ได้ผลเพื่อการเรียนรู้ ฉะนั้นรูปแบบที่พบเห็นน่าจะมีประโยชน์ต่อเยาวชนคนไทยทุกคน

ไก่ฟ้าพญาลอเพศเมียที่ปางสีดา


ย่างเข้าสู่ฤดูหนาวปลายเดือนพฤศจิกายน มีโอกาสพาอาสาสมัครจากญี่ปุ่นไปศึกษาธรรมชาติ ณ อุทยานแห่งชาติปางสีดา เย็นวันนั้นเป็นวันอังคาร เป็นวันปลอดนักท่องเที่ยว (เสาร์-อาทิตย์ นักท่องเที่ยวมาก) จึงมีโอกาสพบเห็นสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น นกตบยุง นกกะปูด นกแซงแซวสีเทา นกแก๊ก แมวดาว งูเหลือมยาวกว่า 3 เมตร รวมทั้งผีเสื้อจำนวนมากหลากหลายชนิด แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ ได้พบเห็นไก่ฟ้าพญาลอเพศเมีย ยืนรีรออยู่บนถนนที่รถวิ่งช้า ๆ และหยุดเพื่อถ่ายภาพ ได้ถามคุณประเสริฐ เจ้าหน้าที่สื่อความหมายของอุทยาแห่งชาติปางสีดาที่ไปด้วยกันว่า “ทำไมไก่ฟ้าพญาลอดูเชื่องจัง” คุณประเสริฐตอบว่า “ช่วงเวลาฤดูหนาวเป็นฤดูผสมพันธุ์สัตว์หลายชนิดหาคู่นะครับ”
ไก่ฟ้าพญาลอมีชื่อสามัญว่า Siamese Fireback ชื่อวิทยาศาสตร์ Lophura diardi หากดูชื่อสามัญแล้วแน่นอนที่สุดคือ ต้องพบครั้งแรกในประเทศไทยจึงมีชื่อขึ้นต้นด้วย Siamese ส่วนชื่อภาษาไทยว่า ไก่ฟ้าพญาลอ ต้องมีความสวยงามมากจึงตั้งชื่อให้เกี่ยวข้องกับวรรณคดีของไทยเรา รายละเอียดศึกษาเพิ่มเติมได้จากคู่มือดูนกหมอบุญส่ง เลขะกุล ในภาพเป็นไก่ฟ้าพญาลอเพศเมียถ่ายที่อุทยานแห่งชาติปางสีดา วันที่ 24 พฤศจิกายน 2552 เวลาประมาณ 17.00 น.

วันจันทร์, พฤศจิกายน 09, 2552

“หมอไม่เหมือนหมอ หมาไม่เหมือนหมา”


คุณตานิรันดร์ อายุ 73 ปีแล้ว มีอาชีพขับรถ ตุ๊ก ตุ๊ก สถานที่รับผู้โดยสารประจำทุกเช้า คือ หน้าโรงแรมตรัง เป็นโรงแรมเก่าที่เปิดบริการมากว่า 40 ปีแล้ว
เช้าของวันที่ 4 พฤศจิกายน มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณตานิรันดร์ ก่อนที่จะไปปฏิบัติภารกิจ คุณตานิรันดร์เล่าให้ฟังว่า “ผมเคยเป็นทหารอากาศไปสงครามเวียดนามไปรบอยู่ที่เมืองดานัง ปัจจุบันสุขภาพทั่วไปผมดีนะ ยกเว้น หู หูตึงไม่ค่อยได้ยิน หลังจากผมออกจากทหาร ผมขับรถบรรทุกมาตลอดกว่า 40 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเจ็บป่วยด้วยโรคหนึ่ง คือ โรคเลือดกำเดาไหล เป็นตลอดมาหลายปี รักษาโรงพยาบาลหลายแห่งจนท้อใจ ผมเคยจดบันทึกการไหลของเลือดกำเดา ผมมานับดูเฉลี่ยแล้วเหมือนกับไหลวันละครั้งนับเป็นปี ๆ ผมพยายามเล่าอาการให้หมอฟัง บางครั้งก็ถูกดุ หาว่าพูดมาก รู้มาก ผมอยากหายเพราะทุกข์ทรมาน ด้วยต้องขับรถส่งของระยะทางไกล ๆ มาวันหนึ่งผมตัดสินใจจะรักษากับหมอคนนี้เป็นคนสุดท้ายแล้ว ท่านชื่อ หมอชาญชัย ผมนำบันทึกที่ทำไว้มาให้คุณหมอ เล่ารายละเอียดให้ฟัง คุณหมอซักถามและฟังด้วยความตั้งใจและจดบันทึก คุณหมอปรึกษาวิธีการรักษาร่วมกับผม ท่านถามว่าผมยอมรับการรักษาด้วยวิธีที่คุณหมอจะทำหรือไม่ สุดท้ายท่านรักษาการไหลของเลือดกำเดาผมโดยการนำเยื่อบาง ๆ ไปปิดแผลในโพรงจมูก หลังจากนั้นผมหายจากโรคเลือดกำเดาไหลตลอดมา” ประโยคสุดท้ายคุณตานิรันดร์ทิ้งคำพูดว่า “ผมว่า หมอไม่เหมือนหมอ หมาไม่เหมือนหมา การรักษาขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่มีและการเป็นผู้ฟังที่ดี ผมโชคดีครับที่เจอหมอที่ดีเช่นหมอชาญชัยคนนี้”

วันพุธ, ตุลาคม 28, 2552

หมวกมรดกจากพ่อ


สิ่งที่เป็นความชอบและเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติตั้งแต่เด็กคือ..ชอบหมวก ถ้าเห็นแล้ว อยากได้ มีโอกาสซื้อจะซื้อโดยไม่ลังเล ในชีวิตจึงมีหมวกเสมอมา .....มาตรองดูแล้วว่าทำไมเราถึงชอบหมวก..ก่อนนี้ไม่เคยถามตนเอง หลังจากที่พ่อจากโลกไปแล้ว...จึงรู้ว่าที่ชอบหมวกเป็นเพราะพ่อสวมหมวกตลอดชีวิตของท่าน...หมวกจึงเป็นมรดกจากพ่อส่งผ่านเป็นกรรมพันธุ์สู่เราให้ระลึกถึงท่านตลอดไป

พู่ชมพู หรือ พู่นายพล


พู่ชมพู หรือ พู่นายพล เป็นไม้ประดับยืนต้นที่มีความสูงไม่เกิน 2 เมตร มีดอกเป็นพู่ ที่พบในประเทศไทยมีสี ชมพู แดง ขาว สีขาวและสีแดงค่อนข้างหายาก พู่ชมพูดอกเป็นพู่เหมือนไม่มีน้ำหวานที่จริงแล้วบริเวณแกนกลางดอกมีปล่องน้ำหวานเปิดอยู่ 2-3 ปล่อง เพื่อล่อนกและแมลงมาผสมเกสร...เราอาจพบนกกินปลีหรือนกกาฝากอยู่บริเวณต้นพู่ชมพูตลอดฤดูกาลบานดอก

วันจันทร์, ตุลาคม 26, 2552

ลมขยะ

ทุกปีกาลเวลาผ่านไป พอย่างเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนลมเริ่มเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทาง ลมพัดมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือนำพาความหนาวเย็นสู่แผ่นดินไทย ลมหนาวนอกจากพาความเย็นยังพาความแห้งแล้งส่งผ่านสู่ผืนดิน ใบไม้ ต้นไม้ ให้รับรู้ว่าแต่นี้ต่อไปไม่มีฝนแล้ว ลมหนาวจึงเป็นลมที่บ่งบอกแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง..เดือนพฤศจิกายน ของปีนี้ ลมหนาวยังซื่อสัตย์พัดตรงเวลาเช่นเคยเพียงแต่ว่า ปี้นี้ไม่ได้พัดความหนาวเย็นและความแห้งแล้งเท่านั้น ลมหนาวยังพากลิ่นของขยะมาด้วย มาจากแดนที่ไกลห่างไปกว่าสามสิบกิโลเมตรจากอำเภอวัฒนานคร สู่ตัวจังหวัดสระแก้ว....ลมหนาวที่เคยพาความชุ่มฉ่ำจึงกลายเป็น"ลมขยะที่สระแก้ว"ไปได้ ด้วยน้ำมือมนุษย์เรานี่แหละ

ทำไมต้องปลูกต้นไม้ใหญ่..ปลูกแล้วได้อะไร


มีข้อสังเกตและการค้นพบความจริงบางอย่างเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้และผลพวงที่เกิดขึ้นตามมา ซึ่งขอนำมาเล่าให้ฟังซักหนึ่งกรณี…
ณ ศูนย์การเรียนรู้รายบุคคล (Individual Learning Center) ที่อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายก มีพื้นที่ประมาณ สิบสี่ไร่ จากพื้นที่นาล้วน ๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่เพียง 3 -4 ต้น เจ้าของได้จัดการตามทฤษฎีใหม่ของในหลวงโดยขุดบ่อเก็บน้ำส่วนหนึ่ง นำดินมาปรับพื้นที่ ปลูกข้าวทำนา ทำสวนผลไม้บางส่วนเช่น มะม่วง มะยงชิด สะเดา และปลูกป่า เช่น ต้นกัลปพฤกษ์ พะยูง ยาง สัก ตะแบก ประดู่ป่า อินทนิล มะเม่า ไข่เน่า สิ่งที่สำคัญคือเจ้าของไม่ใช้สารเคมีใด ๆ ในพื้นที่ทั้งหมด
เวลาผ่านไปสิบปี สิ่งสังเกตที่พบเกิดขึ้นที่ต้นกัลปพฤกษ์ ซึ่งเป็นไม้ดอกประดับต้นสูงประมาณ 6 – 8 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีชมพู ฤดูออกดอกคือฤดูหนาว บานทั้งต้นสวยงามมาก แต่ก่อนถึงฤดูออกดอกบริเวณลำต้นถูกแมลงเจาะเป็นรูมีน้ำหวานและสารเหลวไหลออกมา แมลงหลายชนิดได้กินเป็นอาหาร เช่น ตัวต่อ แมลงกว่าง ฯลฯ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน ดูแล้วมีความสุขยิ่งนัก การให้โอกาสกับสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น ทำให้เกิดผลพวงตามมาอีกมากมาย อย่างเช่นกรณีนี้ การปลูกต้นไม้ให้เติบโตตามธรรมชาติและไม่ใช้สารเคมี เกิดการต่อสู้ระหว่างต้นไม้กับแมลง ต้นไม้สามารถอยู่ได้ทำให้เกิดโอกาสการขยายพันธุ์ของแมลงบางอย่างซึ่งมีอาหารกิน ความเกี่ยวพันนี้ เหมือนดังคำของกวีซีไรท์ คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ได้กล่าวไว้ว่า
“เพราะสิ่งนี้จึงมีสิ่งนี้อยู่
สิ่งหนึ่งสู่สิ่งหนึ่งถึงทุกสิ่ง
ธรรมชาติแวดล้อมพร้อมพึ่งพิง
สร้างความจริงสร้างชีวิตเป็นนิจมา”

วันพุธ, ตุลาคม 21, 2552

ป่าผืนสุดท้ายบ้านคลองนางชิง


ว่าที่ร้อยตรีณัฐวุฒิ ดวงรัตน์ เลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสระแก้ว หัวหน้าทีมวิจัย โครงการชื่อ รูปแบบการจัดการป่าในเมืองเพื่อใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้เชิญศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว (นายปัญญา วารปรีดี ผู้อำนวยการ) เป็นที่ปรึกษาโครงการ ในการพูดคุย ร้อยตรีณัฐวุฒิ เล่าว่า “ป่าคลองนางชิงตั้งอยู่ในเขตชุมชนย่อยที่ 17 ของเทศบาลเมืองสระแก้ว ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว ทิศเหนือติดกับทางรถไฟสายตะวันออก ทิศตะวันออกติดกับศาลหลักเมือง ทิศตะวันตกติดคลองนางชิง และทิศใต้ติดทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 33 (ถนนสุวรรณศร) อยู่ห่างจากตัวเมืองสระแก้ว ประมาณ 4 กิโลเมตร ซึ่งป่าแห่งนี้ถือเป็นป่าผืนสุดท้ายในเขตเทศบาลเมืองสระแก้ว ปัจจุบันเหลือเพียง 18 ไร่เศษ ครั้งที่ป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านคลองนางชิงและชุมชนใกล้เคียงได้ใช้ประโยชน์จากป่า ในการหาของป่าและล่าสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ขนาดเล็ก ๆ เช่น พังพอน อีเห็น กระแต กระต่าย ไก่ป่า เพื่อนำมาเป็นอาหาร สัตว์ขนาดใหญ่ เช่น เสือ หมี และของป่าหลายชนิด เช่น หน่อไม้ หวาย ผักป่า เห็ดชนิดต่าง ๆ รวมถึงไม้ฟืน นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่เลี้ยงสัตว์ เพราะป่าอยู่ติดกับหมู่บ้าน เทศบาลเมืองสระแก้วและชุมชนคลองนางชิงมีความสนใจที่จะจัดการป่าแห่งนี้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชนที่อยู่ในเขตเทศบาล ตัวแทนของเทศบาลจึงได้เข้ามาพูดคุยกับชุมชนถึงแนวทางในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งพื้นที่เพื่อให้ชาวบ้านทำการเกษตร ปรับพื้นที่ให้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ฯลฯ แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังรู้สึกเสียดายป่าผืนสุดท้ายในเขตเทศบาลเมืองผืนนี้ จึงเป็นที่มาของโครงการวิจัยที่ผมมาเรียนเชิญท่าน ผอ.เป็นที่ปรึกษาโครงการในครั้งนี้ครับ”นี่คือโจทย์ที่ศูนย์วิทยาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้วจะมีโอกาสร่วมดำเนินการกับชุมชนในด้านสิ่งแวดล้อมต่อไป

วันจันทร์, ตุลาคม 19, 2552

เธอชื่อ"สายน้ำ"



“สายน้ำ” เป็นชื่อเล่นของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เพิ่งคลอด เมื่อวันที่ 29 กันยายน คุณพ่อของสายน้ำทำงานธนาคาร คุณแม่ของเธอเป็นนักชีววิทยาของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา เธอทำงานแข็งขันในรอบปีที่ผ่านมาเรามีนโยบายขยายงานวิทยาศาสตร์สู่ชุมชน ในทีมงานตกลงกันที่จะนำความรู้เรื่องการดูแลแหล่งน้ำของชุมชนมาเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมนักสืบสายน้ำจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ที่แหล่งน้ำคลองพระปรง แหล่งน้ำคลองแก แหล่งน้ำคลองพระสะทึง รวมไปถึงชายฝั่งทะเลของจังหวัดระยองและจังหวัดตราด กิจกรรมนักสืบสายน้ำและกิจกรรมนักสืบชายหาด ทำให้คุณแม่ของน้องสายน้ำสนุกกับงาน เธอทำงานถึงวันสุดท้ายคือวันที่ 28 กันยายน โดยลืมลาเพื่อเตรียมคลอด
ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันที่ตั้งชื่อเล่นให้หลานสาวคนนี้ว่า “สายน้ำ” มีความหมายว่า เธอจะเป็นความชุ่มเย็นทั้งใจและกายให้กับทุกสรรพชีวิตในโลก

วันจันทร์, ตุลาคม 12, 2552

สุสานหอยดึกดำบรรพ์นับล้านปีที่หนองบัวลุ่มภู

หนองบัวลุ่มภู หมายถึงหนองน้ำที่มีบัว อยู่ที่ต่ำกว่าภูเขา เป็นภาษาชาวบ้านที่เรียกจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งฟังแล้วเข้าใจ ถ้าเราคงภาษาดั่งเดิมไว้ประวัติศาสตร์จะไม่คลาดเคลื่อน ด้วยชื่อที่บ่งชัดเช่นนี้จึงเป็นแหล่งที่ค้นพบซากหอยดึกดำบรรพ์นับล้านปี เสียดายแต่เพียงว่าการจัดการกับแหล่งเรียนรู้แห่งนี้ต้องพัฒนาอีกมาก...เพื่อเป็นมรดกที่ล้ำค่ายิ่งของชาวจังหวัด หนองบัวลำภู





พระกฐินพระราชทาน 2552








กฐิน เป็นชื่อของกรอบไม้แม่แบบหรือสะดึงที่ใช้กำหนดลักษณะในการทำจีวรสมัยพุทธกาล พระกฐินพระราชทาน คือพระกฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าพระกฐินเพื่อถวายยังพระอารามหลวงต่าง ๆ
ปี 2552 สำนักงาน กศน. ได้รับพระราชทานผ้าพระกฐินไปถวาย ณ วัดศรีสระแก้ว ตำบลนามะเฟือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยกำหนดตั้งองค์พระกฐินพระราชทาน ณ มณฑลพิธี สำนักงาน กศน. อุดรราชธานี ในวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม 2552 และนำไปถวายในวันที่ 10 ตุลาคม 2552
ที่จังหวัดอุดรราชธานี มีสถานที่สำคัญซึ่งเป็นแดนแห่งธรรม คือ วัดป่า บ้านตาด มีหลวงตามหาบัว ลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระผู้มีเมตตาบารมี เป็นที่พึ่งของคนทั่วประเทศเป็นเจ้าอาวาส คอยสอนการศึกษาปฏิบัติธรรม ณ ที่แห่งนี้ มีโอกาสไปกราบไหว้ท่านนับเป็นบุญที่ได้ในครั้งนี้

วันจันทร์, ตุลาคม 05, 2552

บัว




“บัว” ในที่นี้คือ “บัวหลวง” ขอเขียนถึงบัวในความรู้ ความนึกคิด และจินตนาการ ที่มีต่อ “บัว” โดยไม่มีการสืบค้น บัวเป็นดอกไม้ที่นำมาบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเวลากว่า 2552 ปี มาแล้ว บัวจึงเป็นดอกไม้สุดประเสริฐ ใบบัวนำมาห่ออาหารสำหรับนักเดินทางในอดีตแม้กระทั่งปัจจุบัน หากใครได้รับประทานข้าวห่อใบบัวจะเกิดอาการปีติเหมือนได้ย้อนไปสู่อดีตเหมือนจะจำได้แต่จำไม่ได้ (คนเวียนว่ายตายเกิดมาหลายภพหลายชาติแล้ว) ก้านบัว ไหลบัวรักษาโรคและเป็นยาบำรุงอย่างดี เม็ดบัวเป็นอาหารได้ตอนเด็ก ๆ การแย่งชิงฝักบัวกลางสระบัวเป็นเรื่องสนุกสนานมาก ดอกบัวทั้งบัวตูม บัวบาน มีความสวยงามยากที่จะบรรยาย จนทำให้นักประพันธ์เพลงนำมาแต่งเพลงชื่อ “บัวตูม บัวบาน” ดังมากในอดีตประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา “ดอกบัว” พบเห็นคราใด..ถ่ายภาพเกือบทุกครั้งแต่ไม่ค่อยได้ภาพสวย เอาพอว่า “รักบัว” ก็แล้วกันนะ ดูภาพบัวดอกนี้เถอะ

วันพฤหัสบดี, ตุลาคม 01, 2552

ปราสาท สด๊กก๊อกธม





“สด๊กก๊อกธม” เป็นภาษาเขมร แปลทีละคำได้ดังนี้ “สด๊ก” แปลว่า “รก” “ก๊อก” แปลว่า “กก” “ธม” แปลว่า “ใหญ่” รวมความ “สด๊กก๊อกธม” แปลว่า “ป่ากกใหญ่ที่รกรุงรัง” ผู้เขียนไม่ใช่นักภาษาศาสตร์ ความหมายที่แปลนี้ เป็นการแปลของมัคคุเทศก์น้อยประจำปราสาทสด๊กก๊อกธม อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ในวันที่ได้ไปเยี่ยมชม
ปราสาทสด๊กก๊อกธม อยู่ในช่วงเวลาแห่งการบูรณะ มีการจัดเรียงหินรูปปราสาทใหม่ ก้อนไหนค้นไม่พบหาไม่เจอกรมศิลปากรก็ใช้หินใหม่แทน หินใหม่ที่นำไปแทนพบว่าเป็นก้อนเหลี่ยมธรรมดาไม่มีการแกะสลักให้เหมือนเดิม คงต้องการให้เห็นความต่างระหว่างของเดิมและที่ทำใหม่เสริมขึ้นมา
ความงามของปราสาท สะท้อนถึงความคิดจิตใจผู้คนในสมัยนั้น ซึ่งมองได้หลายมุม เช่น ความเชื่อและความศรัทธา ความเป็นระเบียบมีวินัย อำนาจและการปกครอง ศิลปะและวัฒนธรรม ฯลฯ มาค้นหาเรื่องราวในอดีตจากจินตนาการ ณ ปราสาทสด๊กก๊อกธมกันเถอะ

วันพุธ, กันยายน 30, 2552

ช้างป่า อุทยานแห่ชาติเขาใหญ่




ช้างป่าเป็นสัตว์อายุยืนใกล้เคียงกับคน ช้างป่าฉลาดมีความจำ มีความสามารถเรียนรู้เรื่องที่ไม่ซับซ้อนได้ ที่สำคัญช้างป่ามีวัฒนธรรม มีรูปแบบการดำรงชีวิตในโขลงช้าง เช่น มีการจัดลำดับความสำคัญ ช้างป่าตัวที่เป็นใหญ่ในโขลงเป็นช้างพังเพศเมียระดับยายหรือย่า เรียงลำดับต่อไปเป็นป้า น้า อา ส่วนช้างพลายเพศผู้ถูกย่าหรือยายขับออกจากโขลงเมื่องาเริ่มยาวประมาณ 1 คืบ เป็นช้างโทนที่หากินอิสระ วัฒนธรรมเช่นนี้ เป็นการป้องกันการผสมพันธุ์ในโขลงเดียวกัน (หากเกิดเลือดชิด ช้างจะอ่อนแอ) นอกจากการอยู่ร่วมกันเป็นโขลงแล้ว ช้างยังมีเส้นทางหากินในป่าที่เรียกว่า “ด่านช้าง” ช้างเดินทางหากินตามทางด่านที่บรรพบุรุษช้างกำหนดไว้ เช่น เดินไปกินกระท้อนป่าที่ไหนเมื่อไร ไปกินดินโป่งที่ไหน ไปกินไผ่ที่ไหน ไปกินมะเดื่อที่ไหนเมื่อไร ช้างเดินทางไปหากินก็เหมือนกับคนที่เดินทางไปตลาด ตลาดมีอยู่บางที่ในเมือง แหล่งอาหารช้างก็มีอยู่บางแห่งในป่า ในป่าไม่ได้มีอาหารช้างทั้งหมด ช้างจำเป็นต้องกำหนดจุดหากินและเดินทางไปตามทางด่านช้าง ซึ่งเป็นเส้นทางที่แน่นอนมาแต่บรรพบุรุษ
เมื่อใดที่มนุษย์ตัดถนน ผ่านด่านช้างหรือเส้นทางเดินของช้าง รถกับช้างจำต้องพบกันแน่นอน เส้นทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เป็นเส้นทางหนึ่งที่ช้าง รถและคน อาจพบกันได้เสมอ
คน ช้าง ป่า เคยพึ่งพาและผูกพันคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป

พริกเมืองกาญจน์





ปลายเดือนกันยายนซึ่งเกือบจะเป็นช่วงปลายฤดูฝนแล้ว ได้มีโอกาสไปเมืองกาญจนบุรี อากาศที่นี่ร้อนนิด ๆ ผืนดินดูมีความชุ่มชื้นอยู่ สภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับกับพื้นราบจึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองกาญจน์มีเขื่อนหลายเขื่อนทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ มีของป่าที่ขึ้นชื่อ คือ เห็ดโคน มีพืชไร่ เช่น ข้าวโพด พริก โดยเฉพาะพริกในไร่มองไปสุดตา ได้มีโอกาสซักถามพูดคุยกับคนรับจ้างเก็บพริกในไร่ เขาบอกว่า “วันหนึ่งเก็บพริกได้ประมาณ 30 กิโลกรัม สำหรับคนธรรมดา บางคนเก็บเก่งเก็บได้ประมาณ 50 – 60 กิโลกรัม ค่าจ้างกิโลกรัมละ 4 บาท มีรายได้ต่อวันเฉลี่ย 120 – 240 บาท อยู่ได้สบาย อยู่เมืองกาญจน์ไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายอะไรมาก”
กาญจนบุรี เป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ทั้งธรรมชาติและผู้คนที่มีนิสัยมิตรไมตรีเอื้ออารีต่อนักท่องเที่ยวและผู้มาเยือนเสมอมา

วันศุกร์, กันยายน 18, 2552

"กาสรกสิวิทย์"แหล่งเรียนรู้ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง




สองอาทิตย์ที่ผ่านมามีโอกาสไปเยือนโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ โรงเรียนสอนคนและกระบือให้ทำนาที่จังหวัดสระแก้ว ทุกครั้งที่ไปเยือนได้เห็นแหล่งเรียนรู้นี้ พัฒนา คิดค้น ทดลองไม่หยุดนิ่ง ครั้งนี้ได้รับความรู้เพิ่มเติม 2 เรื่อง
เรื่องแรก เป็นการทดลองเลี้ยงสุกรที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า “หมูหลุม” หมูหลุมที่นี่แปลกเลี้ยงในคอกดินพื้นดินรองด้วยแกลบ อาหารที่เลี้ยงเป็นพืชพรรณในท้องถิ่น เช่น ต้นกล้วย มะละกอ ผัก นำมาต้มปนรำ ที่สำคัญตัวคอกปั้นด้วยดินเหนียว ผู้ดูแลสุกรบอกว่า ราคาต้นทุนในการทำคอกหนึ่งพันบาท เลี้ยงลูกสุกรได้ประมาณ 10 ตัว การทดลองครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรที่มาเรียนรู้ ณ แหล่งเรียนรู้นี้
เรื่องที่สอง สังเกตพบว่าในโรงเรียนกาสรกสิวิทย์มีต้นมะรุม เจริญงอกงามเป็นจำนวนมาก ต้นสูงเฉลี่ยแล้วประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง มะรุมออกฝักสั้น ๆ ฝักใหญ่ คะเนว่าเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งนิ้วครึ่ง ยาวประมาณ 12 – 15 นิ้ว เจ้าหน้าที่บอกว่าเป็นมะรุมพันธุ์อินเดีย นำมาปลูกเพื่อเก็บเมล็ดเมื่อแก่จัดใช้ในการทดลองเป็นสมุนไพรรักษาโรค
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ทรงคุณค่า เพื่อคนไทยที่รักการเรียนรู้ได้มาศึกษาหาความรู้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตน

วันพฤหัสบดี, กันยายน 17, 2552

เศร้าใจ กรณีช้างป่าเสียชีวิตที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

ข่าวจากโทรทัศน์ทางช่องไทยทีวีช่วงเช้า วันที่ 17 กันยายน 2552 ช้างป่าเพศผู้ตัวหนึ่งถูกลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าของชาวไร่ช็อตเสียชีวิตใกล้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ภาพที่เห็นจากโทรทัศน์ช้างพลายน่าจะอายุไม่เกิน 10 ปี สังเกตจากงายาวประมาณหนึ่งคืบ งวงช้างเกี่ยวเส้นลวดนอนเสียชีวิต ขี้กระจาย น้ำตาไหล น่าอนาถ หนึ่งชีวิตของช้างป่าดับไปอีกครั้ง ภาวะการสูญพันธุ์ของช้างป่าคืบคลานเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น
จากเอกสาร ศูนย์ปฏิบัติการป่าไม้ โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าในพื้นที่รอยต่อ 5 จังหวัด (ภาคตะวันออก) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พฤษภาคม 2551 ความตอนหนึ่งว่า ประชากรช้างป่าในประเทศไทยมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 3,000 ตัว อาศัยอยู่ในพื้นที่ 67 แห่ง สำหรับพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนมีประมาณ 300 ตัว ปัจจัยคุกคามการเสียชีวิตของช้างป่าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ระหว่างปี 2539 – 2551 มีทั้งสิ้น 20 ตัว ตายด้วยน้ำมือมนุษย์ 13 ตัว ตายตามธรรมชาติ 5 ตัว ไม่ทราบสาเหตุ 2 ตัว สาเหตุการตายที่เกิดจากมนุษย์ 9 ตัวตายจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้าง 3 ตัวตายเพราะรถชน 1 ตัวตายเพราะถูกล่างา
สรุปว่า ความขัดแย้งเป็นสาเหตุใหญ่ของการเสียชีวิตของช้างป่า หากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น ช้างจะเป็นฝ่ายสูญพันธุ์ไปก่อน เมื่อมนุษย์ไม่มีช้างเป็นคู่ต่อสู้แล้ว มนุษย์ก็จะขัดแย้งกันเอง โดยเริ่มจากสีเหลืองกับสีแดงในปี 2551 – 2552 สุดท้ายสูญพันธุ์ทั้งคู่

วันพุธ, กันยายน 16, 2552

ไผ่สีสุก




“ไผ่สีสุก” เป็นหนึ่งในเก้าชนิดของไม้มงคล ที่รัฐพิธีใช้ในการวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างสถานที่สำคัญต่างๆ อาจเป็นด้วยชื่อของไผ่ที่บอกถึงความสุขจึงถูกกำหนดให้เป็นไม้มงคล
ไผ่สีสุกเป็นไผ่ที่อยู่คู่คนไทยมาช้านาน ด้วยลักษณะเป็นไม้ไผ่ที่เนื้อหนามีรูเล็กใช้ในการปลูกสร้างที่พักอาศัยได้ดี ไผ่สีสุกมีหนามแหลมคม คนไทยจึงนิยมปลูกรอบบ้าน เพื่อป้องกันสัตว์ร้าย ป้องกันขโมย ทุกส่วนของไผ่สีสุกมีประโยชน์ต่อมนุษย์ทั้งสิ้น
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2523 นับถึงปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนารถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เสด็จมาจังหวัดสระแก้วได้ทรงปลูก “ไผ่สีสุก” ไว้ที่โครงการพระราชดำริอ่างเก็บน้ำคลองช่องกล่ำบน ให้ชาวสระแก้วได้เห็นคุณค่าของไผ่สีสุก เวลาผ่านไป 30 ปี จังหวัดสระแก้วเต็มไปด้วยต้นยูคาลิปตัส แปลกดีนะ

วันอังคาร, กันยายน 15, 2552

เมื่อลูกสาวจะออกเรือน




มีลูกสาวคนเดียวและเป็นลูกคนโตซะด้วย ไม่ต้องสงสัยว่ารักมากแค่ไหน... ก็ลูกสาวคนเดียวไงละ ปีนี้เขามีอายุ 30 ปีแล้ว จะออกเรือนทำอะไรเกี่ยวกับบ้านเกี่ยวกับอาหารดูไม่ค่อยลงตัวซักเท่าใด แต่ความจำเป็นที่เขาต้องทำ ด้วยบุคคลรอบ ๆ ตัวเขากลายเป็น Double พ่อแม่ก็เพิ่มอีกเป็นสอง พี่น้องก็เพิ่มอีกเป็นสอง เพื่อน ๆ ก็เพิ่มอีกเป็นสอง แม้แต่ตัวเขาก็เป็นสอง
เช้าวันหนึ่งเสียงลูกสาวดังมาจากห้องครัวบ้านชั้นล่าง “คุณพ่อมาชิมกับข้าวฝีมือลูกเร็ว...ตั้งชื่อให้ด้วย” เออ...ลูกทำอร่อยดี...ลดเค็มลงอีกเยอะ ๆ หน่อยนะ

วันจันทร์, กันยายน 07, 2552

รักประเทศไทย รักตึกไทยคู่ฟ้า











แปดกันยายนของทุกปีเป็นวันคล้ายวันระลึกสากลแห่งการรู้หนังสือขององค์การ UNESCO ปีนี้ทำพร้อมกันโดยรัฐบาลเปิดทำเนียบรัฐบาลจัดพร้อมงานโครงการส่งเสริมการอ่านเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ในวันที่ 6 กันยายนจึงมีโอกาสเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลครั้งแรกตอนอายุ 58 ปี เดินไปตามถนนด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้า...ประเทศไทยนี้ดูสวยงามสง่า..ศิลปงดงามนุ่มนวลทุกคนจึงควรภูมิใจ....ช่วยกันรักษาไว้เป็นสมบัติของชนชาติเผ่าไทย

วันพุธ, กันยายน 02, 2552

ผีเสื้อหางติ่งปารีส ฝรั่งเขาเรียก นกยูงปารีส


ผีเสื้อหางติ่งปารีสมีชื่อสามัญว่า Paris Peacock ดูชื่อแล้วน่าจะเกี่ยวข้องกับกรุงปารีส ฝรั่งเศส แต่ตัวนี้ถ่ายภาพมาจากอุทยานแห่งชาติตาพระยา จังหวัดสระแก้ว วิธีถ่ายภาพ เริ่มด้วยเทน้ำปลาร้าลงบนพื้นดิน ที่ใช้น้ำปลาร้าเพราะไม่มีสารกันบูด สารกันบูดอาจมีผลทำให้ไข่ผีเสื้อฝ่อได้ ทิ้งไว้สักพัก ปูเสื่อนอนรอ พอหางติ่งปารีสมากินเกลือแร่ กดชัตเตอร์แช่...แช่...เท่านั้นแหละ มีผีเสื้อทีคล้ายกันในกลุ่มนี้คือ ผีเสื้อหางติ่งแววมยุรา ผีเสื้อหางติ่งสะพายเขียว ทั้งสองชนิดหลัง หายาก โดยเฉพาะผีเสื้อหางติ่งสะพายเขียวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง มือใหม่อย่างเราต้องพยายามสังเกตมากหน่อย

สะสมรูปผีเสื้อหางติ่งนางระเวงเพศเมีย







ผีเสื้อหางติ่งนางระเวงเพศเมีย มี 7 แบบ แบบที่ 1 มีติ่งหางตัวนี้พบที่ถาพรฟาร์ม อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี แบบที่ 2 หางยาวมีแถบสีขาวพบที่อุทยานแห่งชาติทับลาน อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี

ชานชาลา สถานีรถไฟ เส้นทางแห่งการเรียนรู้


เสียง”หวูด”รถไฟดังมาแต่ไกล ก่อนเข้าเทียบชานชาลาสถานีสระแก้ว เวลา 10.34 น. ปลายทางอำเภออรัญประเทศ ผู้คนบนรถมีประมาณครึ่งหนึ่งของที่นั่ง แม้ว่ารัฐบาลมีนโยบาลยกเว้นค่าโดยสารให้ผู้เดินทาง รถไฟเริ่มเคลื่อนออกกจากสถานี 10.36 น. รู้สึกตื่นเต้นเพราะนั่งรถไฟครั้งสุดท้ายเมื่อปี พ.ศ. 2518 นานเกินไปแล้ว รถไฟวิ่งผ่านสะพานเหล็กเสียงดังเข้ามาในโบกี้มากกว่าปกติ สองข้างทาง มีป่ายูคาลิปตัส มีทุ่งนา มีบัวหลวงปลูกอยู่ริมทางรถไฟ รถไฟจอดสถานีแรก คือ ท่าเกษม ออกจากสถานีท่าเกษม ธรรมชาติสองข้างทางมีการปลูกพืชไร่ เช่น มันเทศ มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ยางพารา รถไฟเทียบชานชาลาที่สอง คือ สถานีห้วยโจด จุดเด่นของห้วยโจดคือ บริเวณหน้าวัดห้วยโจด มีการปลูกดอกดาวเรืองสีเหลืองทอง ประมาณ 10 ไร่ ดูสวยงาม รถไฟเข้าเทียบชานชาลาที่สาม สถานีวัฒนานคร เป็นสถานีใหญ่ มีสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ร้านค้า สถานที่ราชการ สิ่งที่สังเกตพบคือ อาคารส่วนใหญ่หันหน้าเข้าหาสถานีรถไฟ แสดงว่าการขนส่งโดยรถไฟเป็นศูนย์กลางการเดินทางมาแต่ดั่งเดิม แม้ว่าปัจจุบันการเดินทางโดยรถยนต์สะดวกมากขึ้น สถานีที่สี่เป็นสถานีเล็ก ๆ ชื่อสถานีห้วยเดื่อ ไม่มีชานชาลามีศาลาพักผู้โดยสารหลังเล็ก ๆ และสถานีที่ห้า คือสถานีอรัญประเทศ รถไฟเทียบชานชาลา เวลา 11.38 น. อรัญประเทศเป็นสถานีสุดท้ายที่รถไฟจอด แต่ไม่ใช่สถานีสุดท้ายของทางรถไฟสายนี้ เพราะมีต่อไปอีกหนึ่งสถานีคือสถานีคลองลึก เป็นสถานีสุดแดนสยามติดต่อกับประเทศกัมพูชา มีเรื่องราวมากมายที่อรัญประเทศไว้เขียนในตอนต่อไป
หมายเหตุ แม้รัฐบาลมีนโยบายนั่งรถไฟฟรี แต่พนักงานหนีบตั๋วยังคงทำงาน ขยับเครื่องหนีบตั๋วดัง แก๊ก...แก๊ก มาหนีบตั๋วฟรีของผู้โดยสาร

วันอังคาร, กันยายน 01, 2552

ภาวะการเคลื่อนไหว..ความเร็วและความเลว ..ของลม


ในธรรมชาติอากาศที่เคลื่อนไหวไปมาเป็นสิ่งที่มีคุณค่าต่อชีวิตเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ ด้วยในอากาศมีออกซิเจนที่ช่วยในการหายใจ สิ่งมีชีวิตขาดออกซิเจนสองสามนาทีก็ทำให้เสียชีวิตได้แล้ว จึงนับว่าอากาศสำคัญที่สุด อากาศที่เคลื่อนไหวทำให้สิ่งมีชีวิตมีความเป็นอยู่สบายขึ้น เพราะการเคลื่อนไหวทำให้อุณหภูมิบริเวณหนึ่งไม่ร้อนจนเกินไป ไม่หนาวจนเกินไป ไม่ชื้นจนเกินไป นอกจากนั้นอากาศยังมีคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีประโยชน์ต่อพืชในการนำมาใช้เพื่อการสังเคราะห์แสง สร้างอาหารให้กับพืชได้ใช้ประโยชน์โดยตรงและให้สัตว์ได้ใช้ประโยชน์ทางอ้อม (สัตว์กินพืชรวมทั้งมนุษย์ด้วย) นี่เป็นภาวะการเคลื่อนไหวปกติของอากาศ
เมื่ออากาศเริ่มเคลื่อนไหวผิดปกติ มีความเร็วเข้ามาเกี่ยวข้อง อากาศที่เคยอ่อนโยน เยือกเย็น กลับกลายเป็นอากาศเกรี้ยวกราด ที่เรียกว่า ลม พายุ ใต้ฝุ่นหรือชื่อเรียกอื่น ตามความเร็วที่เกิด อากาศผิดปกตินี้สามารถทำลายโดยการพัดให้พัง โดยการยกลอยพลิกให้เสียหาย โดยการบิดให้ขาด จึงทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งมีชีวิตทั้งพืชทั้งสัตว์และธรรมชาติรวมถึงสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ความเสียหายที่เกิดมนุษย์ต่างยอมรับกันได้ เพราะเป็นธรรมชาติของลมที่เกิดคู่โลกมายาวนานแล้ว แต่มีลมอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า “ลมเลว...ลมเหม็น” ลมชนิดนี้มีอำนาจทำลายล้างรุนแรง เป็นลมที่มีต้นกำเนิดจากแหล่งเล็ก ๆ คือเกิดจากปากมนุษย์ ทุศีล พูดชั่ว บิดเบือน ใส่ร้าย ป้ายสี พูดไม่อยู่ในทำนองคลองธรรม พูดเพื่อเอาผลประโยชน์ด้วย ละโมบ โลภมาก “ลมชนิดนี้นับว่าอันตรายสูงสุดที่ทุกคนพึงระวัง”