วันเสาร์, พฤศจิกายน 22, 2551

ทุ่งดอกบัวตอง




“บัวตอง” เป็นภาษาเหนือ หมายถึง “บัวทอง” ดอกบัวตองหรือดอกทานตะวันป่า เป็นดอกไม้ที่ชอบขึ้นในบริเวณพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,200 เมตร ซึ่งเป็นระดับความสูงที่สนสองใบ สนสามใบขึ้นอยู่ด้วย ฉะนั้นเมื่อเราพบเห็นทุ่งดอกบัวตองก็พบเห็นต้นสนเช่นกัน
เดือนพฤศจิกายนของทุกปีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางไปชมความงามของ ทุ่งบัวตองในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นความงามทางธรรมชาติ แม้ว่าการเดินทาง แสนหฤโหดต้องขับรถ เลี้ยวลดคดไปคดมาตามไหล่เขามากกว่า 1,800 โค้ง ไปถึงดอยแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นดอยแห่งดอกบัวตอง เมื่อไปถึงได้พบเห็นดอกบัวตองบานสะพรั่ง สะพรึบ ซับซ้อนบนเขาหลาย ๆ ลูกสุดสายตา ความงามที่พบเห็น ทำให้ความเหน็ดเหนื่อยหายไปโดยสิ้น ธรรมชาติได้มอบของขวัญล้ำค่าให้มวลมนุษย์อาจเป็นขุนเขาที่ห่างไกล หรือแม้แต่ในใต้ทะเลลึก แต่ธรรมชาติไม่ได้บอกว่ารักษาสมบัติล้ำค่านั้นอย่างไร มนุษย์ต้องเรียนรู้การดูแลรักษาหากมนุษย์ไม่ใส่ใจ ธรรมชาติเพียงแต่ขอของขวัญล้ำค่านั้นกลับคืน
เรามาช่วยกันรักษาทุ่งดอกบัวตอง ให้คงความสวยงามไว้ตลอดไปเพื่อคนรุ่งหลังที่ยังไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสได้มาชื่นชมในวันข้างหน้านะ

วันจันทร์, พฤศจิกายน 03, 2551

กองเกลือนาเกลือที่สมุทรสาคร


ใกล้ฤดูหนาวปีนี้ ได้มีโอกาสไปศึกษาเรียนรู้แหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญาท้องถิ่นชายฝั่งทะเลจังหวัดสมุทรสาครนับว่าเป็นโชคจริง ๆ
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน คณะอาจารย์ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสมุทรสาคร ให้ความกรุณาพาไปศึกษาเรื่องราวการทำนาเกลือจากคุณตาทองเจือ แสงจันทร์ ท่านอายุ 78 ปี แล้ว อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 3 หมู่ที่ 3 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ในการพูดคุยสนทนา สัมภาษณ์การทำนาเกลือจากท่าน คาดหวังว่าจะได้รายละเอียดเพื่อให้เข้าใจวิธีการทำนาเกลืออย่างแท้จริง แต่ผลการสัมภาษณ์กับพบว่า การทำนาเกลือนั้น เป็นทั้งวิทยาศาสตร์ (เคมี) เป็นทั้งศิลปะ เป็นทั้งคุณธรรม เป็นทั้งความสามัคคี มีคำพูดที่เฉียบคมของคุณตามากมายที่อยากบอกเล่าให้เรารู้ ตัวอย่างเช่น
“ทำนาเกลือนี้พื้นที่ 40 ไร่ ทำคนเดียวได้ ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง ไม่ต้องจ้างคนงาน”
“การทำนาเกลือไม่มีหลักสูตรอะไรที่ตายตัว ต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมในการเดินน้ำ”
“ทำนาเกลืออย่างไรก็อยู่ได้ ถ้าไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย”
“ทำนาเกลือใช้พื้นที่มาก พี่น้องที่มีที่ดินร่วมกันต้องสามัคคีกัน ทำร่วมกัน”
ถ้าอยากรู้จริงต้องมาเรียนรู้กับตา ปีนี้เริ่มต้นตั้งแต่เดือนนี้ไปจนถึงเดือน มกราคม แล้วจะเห็นขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงเม็ดเกลือ
สงสัยว่าต้องมาฝังตัวอยู่กับคุณตาทองเจือ แสงจันทร์ซัก 2-3 เดือนซะแล้วจะได้ รู้จริงเสียทีว่า “ความเค็มของเกลือนั้นได้มาอย่างไร”

ดูเหยี่ยวอพยพที่ชุมพร


ช่วงเวลาเดือนตุลาคม ของทุกปี มีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติวิทยาอย่างหนึ่งคือคาราวานเหยี่ยวและนกอินทรีอพยพ ปรากฏโฉมให้เห็นบนท้องฟ้าตามเส้นทางจากทิศเหนือไปทิศใต้ โดยผ่านแนวด้ามขวานของประเทศไทยนับหมื่นนับแสนตัวตลอดทั้งเดือน
จุดบริเวณที่นักดูเหยี่ยวอพยพ ยึดเป็นแหล่งมารวมกัน เพื่อเฝ้าดูจุดหนึ่งคือลานดูเหยี่ยวอพยพริมทุ่งนา บ้านอู่ตะเภา ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร วันนั้น (30 ตุลาคม) เวลาประมาณแปดนาฬิกาสามสิบนาที ที่ลานดูเหยี่ยวไม่มีนักดูเหยี่ยวมีเพียงเก้าอี้ประมาณ 20 ตัว อยู่ในเต็นท์ที่ว่างเปล่า เนื่องจากเทศกาลดูเหยี่ยวผ่านพ้นไปแล้ว เราดึงเก้าอี้มานั่งพิงเสาเต็นท์มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นจุดดำแต่ไกล ๆ ฝูงเหยี่ยวนับร้อย ๆ เริ่มบินใกล้เข้ามา กล้อง Binoculars Olympus EXWP1 8 x 42 มองเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าสิ้นเดือนตุลาคมแล้วฝูงเหยี่ยวยังอพยพอยู่ คิดว่าเขาคงหนีหนาวมาจากไซบีเรีย และไปหากินแถบบริเวณเกาะต่างๆในอินโดนีเซียกระมัง
หัวใจเต้นแรงเมื่อปรากฏเหยี่ยวตัวหนึ่งโฉบลงต่ำบินวนมองเห็นชัดในกล้องส่องทางไกลเต็มตัว สวยงามมากหางกางแผ่ออกปลายปีกคลี่กระจาย เจ้าเหยี่ยวที่แสนสวยตัวนี้ ชื่อ “เหยี่ยวทะเลทราย” บางครั้งชีวิตเราก็มีเรื่องอะไรดีดี ผ่านเข้ามาได้เหมือนกันนะ

วันอังคาร, ตุลาคม 28, 2551

ปราสาทเขาน้อยสีชมพู


วันนี้ (27 ตุลาคม 2551) ได้ไปศึกษาแหล่งเรียนรู้ที่จัดว่ามีความสำคัญอันดับหนึ่งของจังหวัดสระแก้ว เนื่องจากเป็นแหล่งเรียนรู้ที่เป็นพุทธสถานที่เก่าแก่ที่สุด มีจารึกการก่อสร้างตรงกับปีพุทธศักราช 1180 พุทธสถานนั้นคือ “ปราสาทเขาน้อยสีชมพู” ตั้งอยู่บนยอดเขาที่ไม่สูงนัก ณ ตำบลคลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

ในคราวที่มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสระแก้ว ณ วันที่ 1ธันวาคม 2536 นั้น ชาวจังหวัดสระแก้ว ได้นำเอาภาพพุทธสถานแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำจังหวัดสระแก้ว ในด้านวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมของพุทธสถานแห่งนี้มองได้หลายมุม ถ้ามองลักษณะภูมิประเทศพื้นที่โดยรอบมีป่าไม้ ร่มรื่นอุดมสมบูรณ์ที่สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ บันไดที่ทอดขึ้นสู่ตัวปราสาทมีลักษณะเป็นขั้นกว้างให้ก้าวเดินได้ 2-3 ก้าว และก้าวขึ้นไปขั้นต่อไปเตี้ยๆ ทำให้เดินแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย เด็กหรือผู้สูงอายุเดินได้สบายๆ เมื่อขึ้นไปถึงมองเห็นตัวปราสาทรูปทรงคล้ายพระปรางค์สามยอดที่จังหวัดลพบุรี แต่ที่ปราสาทเขาน้อยสีชมพูเหลือเพียงปราสาทองค์กลางเท่านั้นปราสาทองค์ซ้ายและขวาชำรุด ปรากฏเพียงฐานและร่องรอยที่เป็นทับหลังหินทรายตกอยู่ องค์ปราสาทถูกสร้างด้วยอิฐสีชมพู หากสังเกตอย่างละเอียดแล้วจะเห็นความประณีตของการวางอิฐที่ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ในการซ้อนอิฐให้เกิดการถ่ายเทน้ำหนักอย่างสมดุลซึ่งคนโบราณสร้างให้อยู่เพื่อลูกหลานได้เห็น ถ้านับเวลาถึงปัจจุบันปราสาทเขาน้อยสีชมพูมีอายุกว่า 1371 ปีแล้ว

สรุปว่า ปราสาทเขาน้อยสีชมพูนับเป็นมรดกทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าเพื่อการศึกษาเรียนรู้ของมนุษย์ชาติทุกคน

วันจันทร์, ตุลาคม 13, 2551

หล่อหลวงปู่ทองคำ สด จนฺทสโร


ความศรัทธาที่มหาชนมีต่อหลวงปู่วัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) พระมงคลเทพมุนีผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายนั้นเห็นได้จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2551 เป็นวันซึ่งลูกศิษย์ หลานศิษย์ ร่วมใจกันหล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ ด้วยทองคำบริสุทธิ์ ขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง มหาชนหลั่งไหลไปร่วมพิธี ณ วัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากทั่วประเทศ รวมทั้งจากต่างประเทศทั่วโลกประมาณกันว่าในวันนั้นมีผู้ศรัทธามาร่วมบุญเกือบหนึ่งล้านคน
หากถามว่า...เพราะเหตุใดผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา ต่างอาชีพ ต่างฐานะ ต่างการศึกษา จึงมารวมกันได้ด้วยแรงศรัทธามากถึงขนาดนั้น คำตอบที่ได้รับคือ...ทุกผู้คนที่ศรัทธาต่างก็ได้รับความสุขที่แท้จริงจากการได้อยู่ในบรรยากาศแห่งกัลยาณมิตรของผู้คน ความมีระเบียบ เรียบร้อย ความสะอาด การต้อนรับที่เต็มด้วยไมตรี เหนืออื่นใดทั้งสิ้น คือ ความสุขจากการได้ปฏิบัติธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณ หลวงพ่อ ธัมมชโย (พระราชภาวนาวิสุทธิ์) หลานศิษย์ของหลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านเมตตาสอนตามแนวทางวิชชาธรรมกายมาโดยตลอดกว่า 40 ปี ทุกคนจึงรักหลวงพ่อที่ท่านมีแต่เมตตาเป็นผู้ให้ เมื่อหลวงพ่อตั้งความปรารถนาจะหล่อหลวงปู่วัดปากน้ำด้วยความกตัญญู ศิษย์ทุกคนจึงทุ่มเทด้วยชีวิตดังภาพที่ปรากฏเป็นอัศจรรย์ในวันนั้น

น้ำไหลใต้รางที่ปางสีดา


หลายปีที่ผ่านมา รางน้ำที่ทำด้วยปูนซีเมนต์ ข้างถนนลาดยางซึ่งทอดขึ้นไปยังน้ำตกปางสีดาเคยเป็นทางไหลของน้ำใสสะอาดจากต้นน้ำตกลงไปหล่อเลี้ยงพืชผลในส่วนล่างของอุทยานตลอดมา ฤดูฝนปีนี้เกิดความผิดปกติน้ำที่เคยไหลบนรางกลับไหลอยู่ใต้รางเสียงดังก้อง... ผลที่ตามมาคือบนรางปูนซีเมนต์ไม่มีน้ำใสอย่างเคยแม้แต่หยด ใต้รางปูนซีเมนต์ถูกกัดเซาะเป็นโพรง ระยะทางยาวกว่าสี่ห้าร้อยเมตร บางช่วงรางปูนซีเมนต์ถูกน้ำดันยกขึ้นพังเสียหาย ซึ่งความจริงแล้วการสูญเสียเกิดขึ้นกับรางน้ำทั้งหมด

ถามว่า อะไรเกิดขึ้นกับรางน้ำ... หากคำตอบ ตอบว่า หญ้าข้างรางน้ำยาวเกินไป ทำให้มองไม่เห็นการกัดเซาะของน้ำที่ไหลมาจากเชิงเขารอดผ่านลงไปใต้ราง จากร่องเล็กแล้วขยายขนาดเพิ่มขึ้น เมื่อไม่ได้ดูแลซ่อมแซมจึงเป็นเหตุให้เกิดน้ำไหลใต้รางใช่หรือไม่...

หากเป็นเช่นนี้จริง อุทาหรณ์ น้ำไหลใต้รางในครั้งนี้ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภารกิจการงานขององค์กร หากว่าบุคลากรต่างทำงานไปคนละทิศ คนละทาง ผู้บริหารขาดการสอดส่องดูแล ผลที่ตามมานอกจากผลลัพธ์
ที่ควรได้กลับไม่ได้แล้ว อาจเป็นความเสียหายอย่างมหาศาลดังเหตุการณ์ “น้ำไหลใต้รางที่ปางสีดา” ในครั้งนี้

เขาคือใคร


ยามเจ้าวัยเยาว์เจ้าจะคืบเจ้าจะคลานไปแห่งหนตำบลไหนใครต่อใครเขาเห็นเจ้า เขาก็เกลียดเขาก็กลัวทำท่าขยะแขยงหลีกลี้หนี้ห่างต่างร้องบอกต่อๆกันว่า “หนอน หนอน หนอน” เขาช่างเกลียดช่างกลัวเรากะไรเช่นนี้ น้ำตาซึมพาตัวไปซุกไปซ่อนกำบังกายถักทอเส้นใยเป็นเกราะห่อหุ้มตัว ทั้งกลัวภัย ทั้งอับอาย… ไม่มีใครเขาเมตตา
นอนนิ่งคิดนึกน้อยเนื้อต่ำใจ จะทำเช่นไรในชีวิต จะซ่อนตัวอับอายเช่นนี้หรือจะออกไปสู่โลกกว้างสู้ความจริง แม่เคยบอกเราว่า “แท้ที่จริงแล้วเราทั้งสวยทั้งสง่างาม ร่าเริงสดใสเมื่อเราโผผินบินไปในท้องนภา” แต่เราไม่รู้ว่าที่แม่พูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่
แล้ววันหนึ่งเรารู้สึกตัวว่าเกราะที่อบอุ่นของเราคับแคบและอึดอัด หรือว่าเราตัวโตขึ้น… เมื่อดันเกราะที่เคยห่อหุ้มให้หลุดพ้นไป ร่างกายเราปรากฏเป็นดั่งที่แม่เคยบอกไว้… เราทั้งสวยทั้งสง่างามเราบินได้ด้วย มีผู้คนมากมายยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพบเห็นเราโผผินบินไปในโลกกว้าง เขาเหล่านั้นต่างก็พูดว่า “สวยจังเลยผีเสื้อตัวนี้”

คำสอนแม่ฉัน

พอจำความได้ก็รู้ว่าตนเองมีหน้าที่ ที่แม่แบ่งให้ทำตามกำลัง น้องตัวเล็กก็จะกวาดบ้านถูบ้าน น้องโตขึ้นมาหน่อยก็ทำกับข้าวหุงข้าวนึ่งข้าว ส่วนตัวเราพี่คนโตรับภาระทุกอย่างจากแม่ แม่มีวิธีสอนลูก แม่จะพาทำงานและสอนงานไป มือก็ทำปากก็พูด ไม่เพียงแต่สอนงานที่ทำด้วยแรงกายเท่านั้น แม่ยังมีวิธีกระตุ้นแรงความคิดให้มุ่งมั่น ฝ่าฟันอุปสรรค แม่จะพูดว่า “แม่เป็น ผู้พลาดโอกาส สมัยแม่เป็นเด็กแม่เรียนหนังสือเก่งไม่เคยสอบได้ที่สองเลยต้องเป็นที่หนึ่งทุกครั้ง แต่แม่ไม่สามารถเรียนต่อได้เพราะครอบครัวยากจน ประกอบกับเกิดภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ตากับยายไม่ให้แม่เรียนแม่ร้องไห้อยู่หลายวัน… ขอให้ลูกทุกคนตั้งใจเรียนให้สูงที่สุดช่วยสานฝันของแม่ให้เป็นจริง…”
ลูกทุกคนนอนห้าทุ่มตื่นตีสามช่วยแม่ค้าขาย เป็นอีกช่องทางรายได้ช่วยรายได้ประจำของพ่อ ซึ่งต้องไปทำงานในที่ห่างไกล คำสอนและความตั้งใจของแม่เป็นแรงบันดาลใจให้เราฟันฝ่าอุปสรรคมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถือว่า “ความสำเร็จในชีวิตมาจากคำสอนของแม่ฉัน”

วันอังคาร, กันยายน 30, 2551

ประวัติศาสตร์การเกิด"วงแหวนสุริยะ"ที่ควรจดจำ

วันที่สิบแปดสิงหาคมสองพันสี่ร้อยสิบเอ็ดถ้านับถึงปีนี้ก็นับได้ถึง 140 ปีแล้ว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2 ปีว่า“จะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงที่หว้ากอจังหวัดประจวบคีรีขันธ์” และเหตุการณ์นั้นก็เกิดขึ้นจริง ความสวยงามที่ถูกบันทึกไว้ด้วยภาพถ่ายคือภาพวงแหวนสีทองมีหัวเป็นเพชรขนาดใหญ่สว่างไสวอยู่บนฟากฟ้าภาพถ่ายนี้จึงเป็นตราสัญลักษณ์ของ “อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ” มาจนถึงปัจจุบัน

ส่วนจังหวัดสระแก้ว มีการบันทึกข้อมูลไว้ว่าเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง ณ อำเภอตาพระยาเมื่อวันที่ยี่สิบสี่ตุลาคม สองพันห้าร้อยสามสิบแปด เวลาสิบนาฬิกาห้าสิบห้านาที สามสิบสองวินาที ภาพที่ปรากฏเป็น“วงแหวนสุริยะ” ที่สวยงามผู้บันทึกภาพได้มอบภาพถ่ายให้ “ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว” ไว้เป็นที่ระลึก ณ ตึกอำนวยการให้ทุกคนได้ชม

ในวันที่หนึ่งตุลาคมของทุกปีเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( 1 ตุลาคม 2411 )ชาวศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจากทั่วประเทศวางพวงมาลาสักการะ

วันจันทร์, กันยายน 29, 2551

"บ้านดิน"ศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติ

ในอำเภอเมืองจังหวัดสระแก้ว มีแหล่งการเรียนรู้แห่งหนึ่งที่จัดว่าสำคัญยิ่งเพราะเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่มีเอกลักษณ์ซึ่งสามารถบูรณาการระหว่างองค์ความรู้ที่เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นผสมผสานกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้ แหล่งการเรียนรู้ที่กล่าวถึงนั้นคือ “บ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติ”

ความเป็นมาของบ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติเริ่มต้นจาก ชมรมผู้สูงอายุจังหวัดสระแก้วโดยมี คุณสมิตร เย็นสบาย เจ้าของที่ดินแห่งนี้เป็นแกนนำก่อตัวให้ใช้ที่แห่งนี้เป็นฐานเรียนรู้อบรมเกษตรกรเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงจากการพูดคุยกับวิทยากรประจำศูนย์ คุณสุเวช คำเดชะ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น กล่าวว่า หลักสูตรการอบรมของบ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติต้องเป็นระยะเวลา 4 คืน 5 วัน เพราะมีฐานการเรียนรู้ทั้งสิ้น 9 ฐานเรียนรู้ รุ่นหนึ่งๆรับได้ 70-80 คน ฐานการเรียนรู้แต่ละฐานมีความสำคัญยิ่ง เช่น ฐานบ้านดินเป็นการเรียนรู้การนำดินเหนียวมาทำบ้านให้ผู้เข้าอบรมได้อยู่อาศัย เป็นต้น นอกจากฐานบ้านดินแล้ว ยังมีฐานต่างๆดังนี้ ฐานวิถีชาวนา ฐานคนรักแม่พระธรณี ฐานหมูหลุม ฐานคนเอาถ่าน ฐานคนมีน้ำยา ฐานสมุนไพรใกล้บ้าน ฐาน Bio-gas ฐาน Bio –diesel เมื่อซักถาม คุณสุเวช คำเดชะ ว่าองค์ความรู้ที่ให้กับเกษตรกรผู้มาอบรมนั้นได้กล่าวถึงกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ คุณสุเวช คำเดชะ ตอบว่า “ ยังครับอยากให้ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษามามีส่วนร่วมในกิจกรรมแห่งนี้ด้วยครับ”

สรุปว่า แหล่งการเรียนรู้บ้านดินศูนย์ศึกษากสิกรรมธรรมชาติแห่งนี้ควรเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่บูรณาการภูมิรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง เพื่อประโยชน์สูงสุดสำหรับประชาชนผู้มาเรียนรู้

My son go inter....

มีลูกชายคนเดียวบุคลิกเขาสุขุมเยือกเย็นอารมณ์ขันนิดๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานใช้จ่ายระมัดระวังจะซื้อของอะไรเลือกมากต้องเป็นของดีของแพงแต่ซื้อให้ได้ในราคาถูก สมบัติจึงมีไม่มากมีกางเกงยีนส์เก่าๆ 2 ตัว แจ๊กเก็ตเท่ห์ๆ หนึ่งตัว รองเท้าไอ้เข้ (จระเข้) หนึ่งคู่ เสื้อยืดยี่ห้อที่คิดไม่ถึงซักห้าหกตัว กางเกงขาสั้นตัวโปรดจากจตุจักร รองเท้าแตะนิ้วคีบสีดำๆ เป้และกล้อง canon 450 D พร้อมอุปกรณ์ครบครัน นาฬิกาก็ไม่ใช้ เขาบอกว่าดูเวลาจากโทรศัพท์เอา ชอบงานศิลปตั้งแต่เล็กๆ เคยไปดูช่างปั้นดินที่ด่านเกวียนนครราชสีมา เคยปั้นช้างจากดินน้ำมันตัวเท่าหัวไม้ขีดไฟมาให้พ่อดู....ไม่เคยคิดจะไปต่างประเทศ...อยู่เมืองไทยนี่แหละดีละพ่อทำงานบริษัทฝรั่งออกแบบ Website ใช้เงินดอลล่าร์ อยู่ 5-6 เดือน ฝรั่งบอก “you go inter....” เมื่อวานนี้ลูกโทรศัพท์มาจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย “Hallo daddy” อ้าว My son go inter.... ซะแล้ว ถามไปว่า “ How are you” ลูกชายบอกว่าโคตร Advance เลยพ่อ

วันจันทร์, กันยายน 22, 2551

Solar cell ที่คลองช่องกล่ำ




จะมีใครรู้บ้างไหมว่าจังหวัดสระแก้ว มีแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ เรื่อง การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือที่รู้จักในภาษาทับศัพท์ว่า “โซลาเซลล์ (solar cell )” ตั้งอยู่ที่ อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้วสถานที่แห่งนี้เป็นโครงการทดลองเป็นโครงการพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้คนไทยทั้งประเทศได้ศึกษาทั้งในส่วนแก่นแท้ทางวิทยาศาสตร์และความเหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของชุมชน

จากการสอบถามสัมภาษณ์ นายสมพงษ์ ทิพย์โอสถ หัวหน้าสถานีพลังงานแสงอาทิตย์คลองช่องกล่ำ
กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเลือกอำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว เป็นพื้นที่ทดลอง เรื่องพลังงานจากแสงอาทิตย์เพราะพื้นที่แห่งนี้ “ ดวงอาทิตย์มีองศาตกกระทบกับแผ่นดินเบี่ยงเบนน้อยที่สุด” หมายความว่าพื้นดินจะรับพลังงานแสงอาทิตย์เข้มตรงเต็มๆ สอดคล้องกับความเป็นไปของพื้นที่ ในส่วนการทดลองทางวิทยาศาสตร์ โครงการได้ทดลองแผงโซลาเซลล์หลายแบบเพื่อดูว่าแบบใด ทนทาน ราคาถูก เหมาะสมที่จะนำมาใช้งานกับประเทศไทยเรา

นอกจากแหล่งเรียนรู้แห่งนี้จะเป็นสถานที่ทดลองการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แล้วยังเป็นสถานที่ทดลองต้นแบบการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานน้ำจากแหล่งเก็บน้ำคลองช่องกล่ำบน ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณค่ามหาศาลสำหรับการเรียนรู้ของคนไทยทุกคน

วันศุกร์, กันยายน 19, 2551

เป็ดก่า(White -Winged Duck)


นกเป็ดน้ำที่เราสามารถพบได้ทุกภาคของประเทศไทย คงจะเป็น “เป็ดแดง” (Lesser Whistling-Duck) ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่นกเป็ดน้ำที่หายากมาก และใกล้สูญพันธุ์ คือ “เป็ดก่า” (White-Winged Duck)
วันนี้ (15 ก.ย. 51) มีโอกาสไปศึกษาสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าช่องกล่ำบน อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว ได้เห็นเป็ดก่าที่มีชีวิตอยู่ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า รู้สึกดีใจ สุขใจ และหวังว่าในอนาคตจำนวนเป็ดก่าอาจเพิ่มขึ้นได้ในธรรมชาติ เมื่อการเพาะเลี้ยงและการวิจัยประสบความสำเร็จ จากการได้เห็นเป็ดก่าในกรง พบว่า สีสันและความมันวาวของขน ความสดใสและสุขภาพของเป็ดก่าดูดีมาก ลักษณะเด่นของเป็ดก่า คือ หัวและคอสีขาวมีจุดดำกระจาย ปากเหลืองหรือส้ม ลำตัวมองโดยรวมมีสีดำน้ำตาลเข้ม ด้านหลังมีสีเขียวน้ำเงิน ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ถิ่นที่พบคือลำธารและแหล่งน้ำในป่า สถานภาพปัจจุบันเป็นนกหายากและใกล้สูญพันธุ์
หนึ่งชีวิตที่สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ คือ ดัชนีชี้วัดการขาดสมดุลธรรมชาติ โปรดระลึกเสมอว่า “วันหนึ่งจะเป็นมนุษย์ หากยังไม่ตระหนักถึงคุณค่าของการสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้”

วันพฤหัสบดี, กันยายน 18, 2551

ละลุ(LALU)


คำว่า “ละลุ” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ทะลุ” ชาวเขมรเรียกแผ่นดินที่ถูกน้ำกัดเซาะเป็นรูว่า “ละลุ” ในที่นี้ละลุเป็นสถานที่แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่บ้านหนองผักแว่น ตำบลทัพราช อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเกี่ยวกับพื้นดินที่ทับถมกันอย่างรวดเร็วเมื่อหลายหมื่นปี ทำให้ดินบางส่วนจับตัวกันไม่แน่น เมื่อเวลาผ่านไปฝนตกน้ำซึมลงไปในส่วนล่าง ทำให้ดินที่ไม่แน่นไหลออกไปสู่ที่ต่ำ ส่วนดินที่แข็งก็ จับตัวเป็นแท่งลดหลั่นกันมองดูสวยงามน่าศึกษาเรียนรู้ ปรากฏการณ์ที่เกิด “ละลุ” เป็นไปอย่างช้า ๆ จากการพูดคุยกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ผู้นำชมเล่าว่าเขามองการเปลี่ยนแปลงของ “ละลุ” มาตลอดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา “ละลุ” ขยายพื้นที่ได้ไม่เกินหนึ่งเมตร เมื่อเวลาผ่านไปเกือบ 40 ปี แสดงว่าปรากฏการณ์นี้เป็นไปอย่างช้า ๆ ผู้ที่รักการศึกษา หาความรู้ควรไปศึกษาธรรมชาติโดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกใบนี้ของเรา

วันพุธ, กันยายน 17, 2551

ต้นน้ำตก"ปางสีดา"


วันแรกของการเริ่มงาน ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาแห่งใหม่ ขอเริ่มต้นการเรียนรู้ จากการเรียนรู้พื้นที่ลักษณะภูมิประเทศและธรรมชาติในพื้นที่รับผิดชอบก่อน เป้าหมายคือ อุทยานแห่งชาติปางสีดา อ.เมืองสระแก้ว อุทยานแห่งนี้ มีชื่อเสียงที่มีผีเสื้อสวยงามเป็นจำนวนมากหลากหลายมีกลุ่มเยาวชนก่อตั้งเป็นกลุ่ม “รักผีเสื้อปางสีดา” ทำกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เรื่องผีเสื้อเก็บไว้เขียนเมื่อเก็บข้อมูลได้มากกว่านี้ วันนี้ขอเขียนเรื่อง “ต้นน้ำตก” นะ เพราะไปพบ “ต้นน้ำตก” ที่อุทยานแห่งชาติปางสีดาแล้วรู้สึกกระทบใจตอนที่เป็นเด็ก คุณครูสอนว่า “แม่น้ำทุกสายที่พวกเราเห็นนั้นกว่าจะเป็นแม่น้ำได้จะต้องมีต้นน้ำหลาย ๆ ต้นน้ำไหลมารวมกัน ตอนเด็กสงสัยมากต้นน้ำมันเป็นอย่างไรไม่เคยเห็นซักที วันนี้พบแล้ว ต้นน้ำจริงๆ เป็นต้นน้ำตกปางสีดา ลักษณะขออธิบายประกอบภาพ องค์ประกอบของต้นน้ำคือมีป่าไม้ขึ้นอยู่บนภูเขาขนาดลดหลั่นกันไป ที่ชายเขามีตาน้ำผุดขึ้นจากดินขนาดเล็ก ๆ แล้วค่อยไหลลงสู่ที่ต่ำ ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นหลาย ๆ แห่งก็เรียกว่าต้นน้ำหลาย ๆ ต้นน้ำไหลรวมกันกลายมาเป็นต้นน้ำตก “ปางสีดา” ให้เราชื่นชมความสวยงาม ความชุ่มฉ่ำในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้
นอกจากต้นน้ำแล้วในธรรมชาติยังมีสิ่งที่เราควรค้นหาอีกมากมายเราไปเรียนรู้ด้วยกันนะ

วันอังคาร, กันยายน 16, 2551

เส้นทางเสด็จสมเด็จของปวงชน

นับเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่เส้นทางสายเรียบคลองรังสิต จังหวัดปทุมธานี ผ่านอำเภอองค์รักษ์ อำเภอบ้านนา สู่บริเวณเขาชะโงก อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ที่เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า หรือ อีกชื่อหนึ่งที่ประชาชนเรียกชื่อเดียวกันคือ “โรงเรียนนายร้อย จปร.” เป็นเส้นทางเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระอาจารย์ของนักเรียนนายร้อยทุกคน ถ้านับจำนวนครั้งที่พระองค์เสด็จมาสอนคงมากกว่าหนึ่งพันครั้ง พระองค์เป็นทั้งครูผู้สอนสั่งเป็นทั้งแบบอย่างวิธีการเรียนรู้ พระองค์ซักถามจดบันทึกนำไปเขียนหนังสืออันทรงคุณค่ามากมายให้ชาวไทยได้อ่าน พระองค์นำทำถึงฤดูฝนดำนาปลูกข้าว ฤดูหนาว พระองค์เสด็จมาเก็บเกี่ยวทรงพระกรุณานำพาลูกศิษย์เรียนรู้วีถีชีวิตของชุมชน ภูมิรู้ภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น ในอนาคตทหารของชาติย่อมจะรักและเข้าใจประชาชนอย่างแท้จริง
ชาวนครนายกทุกคนนับเป็นผู้มีบุญที่ได้รับพระเมตตาจากพระองค์ท่าน ครั้งหนึ่งที่ข้าพเจ้ามีโอกาสถวายรายงาน เรื่องราวเกี่ยวกับวิถีวัฒนธรรมและการดำรงอยู่ของไทยพวนอำเภอปากพลีแด่พระองค์ท่านก็นับเป็นความภูมิใจสำหรับตนเองและวงค์ตระกูลไปตลอดชีวิตแล้ว

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 28, 2551

สิบแปดสิงหาคมสองห้าห้าหนึ่งที่ทุ่งค่าย



ดร. ชัยรัตน์ - ดร. วีระนุช นิลนนท์
วรางคณา เถาธรรมพิทักษ์



สัมภาษ์ ETV



บันทึกเทป ETV





ต้อนรับท่านเลขาธิการ กศน. นายอภิชาติ จีระวุฒิ






ดำเนินการเสวนาเรื่อง "นกและธรรมชาติ"






ฉันเอง








คลายเหนื่อย

วันอังคาร, สิงหาคม 26, 2551

นกน้ำที่ทะเลน้อย











ลูกเป็ดแดง










Water Buffalo











สุรวุฒิ ขันธ์คง



















นับเวลาถอยหลังที่จะได้อยู่และทำงานในภาคใต้แล้ว ช่วงบ่ายวันที่ 25 สิงหาคม 2551 ที่ห้องทำงาน “วุฒิ” ทะเลน้อยอยู่ไกลจากตรังกี่กิโลเมตร พี่ไม่มีข้อมูลของทะเลน้อยเลย วุฒิหันมาบอก “ผอ ผมพาไปตอนนี้เลย” นั่งรถไปประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว จากตรังไปอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ด้วยเหตุฉะนี้ทำให้เห็นทะเลน้อย จริง ๆ ไม่ได้จินตนาการนึกคิดเอาเอง

ชื่อทะเลน้อยแต่ความจริงแล้วเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่กินพื้นที่ติดต่อถึง 3 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สงขลา และพัทลุง ในเดือนสิงหาคมความลึกของน้ำเฉลี่ยประมาณ 120 เซนติเมตร ความลึกของโคลนประมาณ 60 เซนติเมตร พืชที่มีปรากฏอยู่โดยรอบคือ ต้นเสม็ดขาวเป็นต้น ไม้ที่มีขนาดกลางสูงประมาณ 5 เมตร มีเปลือกหนาคล้ายกระดาษซ้อน ๆ กันเป็นสิบชั้นชอบขึ้นอยู่บริเวณป่าพรุ โดยทั่วไปในกลางทะเลน้อยมีไม้น้ำได้แก่ ต้นกง (คล้ายพลับพลึง) กระจูดหนู บัวหลวง บัวสาย ส่วนใหญ่เป็นสีแดง ผักกะเฉด พง และพวกสาหร่ายใต้น้ำ ที่บรรยายมาทั้งหมดนี้ถามคนขับเรือบ้าง คุยกับน้อง ๆ ที่ไปด้วยกันบ้าง เกือบลืมไปค่าจ้างเรือเขาคิด 400 บาท ถ้าไม่บอกให้หยุดลุงแกก็ขับไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางของแก ขับออกนอกเส้นทางไม่ได้ เรือจะดับเพราะสาหร่ายใต้น้ำพันใบพัดเรือ แต่เข้าใจเอาเองว่า ถ้าเรือออกนอกเส้นทางอาจไปตัดตาข่ายดักปลาของชาวประมงในทะเลน้อยมากกว่า พูดถึงลักษณะทั่ว ๆ ไปให้เห็นภาพก่อน ต่อไปนี้จะเข้าถึงเรื่อง “นกน้ำที่ทะเลน้อยละ”

ทะเลน้อยเป็นป่าชุ่มน้ำระดับโลก เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกชนิดต่าง ๆ ที่หากินกับน้ำ เริ่มจากที่เห็น ทะเลน้อยอาจกล่าวได้ว่าเป็นอาณาจักรของนก “อีโก้ง” ก็ว่าได้ เราจะเห็นนกอีโก้ง อยู่ เกาะหากินในกลุ่มต้นกงเต็มไปหมด นกเป็ดน้ำ ลูกนกเป็ดแดงเป็นฝูง เป็ดผี นกนางแอ่น กะปูด จาบคา กา เหยี่ยวแดง และอีกหลายชนิดที่จำได้ไม่หมด

ที่สำคัญได้เห็นความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นระหว่างคน (ชาวประมงและคนขับเรือ พ่อค้า แม่ค้า) นก ไม้และน้ำ อยู่ร่วมอย่างเกาะเกี่ยวผูกพันกันก่อนนี้มาและน่าจะตลอดไป หกโมงสี่สิบนาทีเราจากทะเลน้อยที่ยิ่งใหญ่ของสรรพชีวิต......ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรจะได้มาอีก

วันเสาร์, สิงหาคม 16, 2551

จากฝั่งอันดามันสู่อรัญประเทศ

15 สิงหาคม 2551 เวลา 16.13 น มี fax มาถึงศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรังเป็น fax คำสั่งย้ายและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่ 1023/2551 สั่ง ณ วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2551 ลำดับที่ 9 นายปัญญา วารปรีดี ผู้อำนวยการสถานศึกษาศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง ให้ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษาศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสระแก้ว เลขที่ตำแหน่งใหม่คือ 2491 โดยโอนอัตราเงินเดือนตามตัวสับเปลี่ยนไปตั้งจ่ายในตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้ง........เมื่อรู้ว่าต้องไปจากตรัง...เกิดอาการวังเวง....เหงา....ทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ดีมากทั้งเพื่อนร่วมงาน อากาศธรรมชาติ อาหาร ผู้คนมีน้ำใจ โดยเฉพาะงานพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความสามัคคีความตั้งใจใส่ใจงานของบุคลากร...แต่ต้องจากไปด้วยเหตุผลของครอบครัว.....ทุกอย่างประทับไว้ในความทรงจำ....เมื่อหกโมงเช้าวันนี้..แต้วแล้วธรรมดาตัวหนึ่ง(ปกติร้องปลุกทุกเช้า)มาร้อง...มาหา...มาลา...ที่เกาะกลางสระน้ำอยู่ 2-3 นาที แล้วเราก็จากกัน...

วันศุกร์, สิงหาคม 15, 2551

นามสกุลพระราชทาน

วันหนึ่งขณะที่สืบค้นข้อมูลใน http:/www.google.co.th key คำว่า"วารปรีดี"เข้าไปมี website ปรากฏมากพอสมควร นั่งอ่านไปเรื่อยๆ สะดุดที่ website หนึ่งคือ http://www.amed.go.th/ พูดถึงนามสกุลพระราชทาน ในข้อมูลบอกว่า"วารปรีดี"เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 5193 พระราชทานเมื่อ 14/6/19 โดยเขียนเป็นภาษาโรมันไว้ด้วย Va^ rapriti หลังตัว a ที่ว่างไว้มีสัญลักษณ์หมวกอยู่ พระราชทานให้ร้อยตำรวจโทขุนกำจรกิตติคุณ(ทุ้ย) สมุหบาญชีมณทลพิศนุโลก ปู่ชื่อ วา บิดาชื่อขุนภรณ์(ปลื้ม)......พ่อเล่าเรื่องราวในชีวิตท่านให้เราฟังน้อยมาก...บัดนี้พ่อจากไปแล้ว เรารักพ่อ เราจะทำดีที่สุดเพื่อรับใช้พระเจ้าแผ่นดิน...ตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน

วันจันทร์, สิงหาคม 11, 2551

ความทรงจำที่สอง

เก็บสิ่งดีๆไว้ในความทรงจำของชีวิต








ปลูกต้นพิกุลและต้นศรีตรัง



ร่วมพิธีปลูกต้นศรีตรังกับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดตรังนายอานนท์ มนัสวานิช


























เก็บภาพถ่ายไว้ในความทรงจำ










เกาะลิบงจังหวัดตรังมองเห็นแต่ไกล.... ถ่ายจากหาดยาว










ปลายหาดเกาะลิบง...ทะเลด้านหลังบางครั้งเห็นฝูงโลมา










ร้านอาหารหาดยาวซีฟู๊ด...ข้าวผัดปลาเค็มอร่อย











หน้าศาลหลักเมืองจังหวัดตรัง





















ใส่สูทไปทำงานซักวัน










ปิดบังความหล่อไว้นานแล้ว








วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 07, 2551

ศัตรูที่แท้จริงของเรา

ในห้วงเวลาหนึ่งของชีวิต....ยามเงียบ......โดดเดี่ยว นิ่ง... จิตนิ่ง... กลับพบความจริงบางอย่างที่จริงแล้วมันเป็นจริงเช่นนี้เสมอมาและตลอดไป แต่เราระลึกไม่ได้...... ความกลัวของเราที่เกิดขึ้นในใจกลับเป็นศัตรูที่คอยทำร้ายเรา หลอกหลอนเรา ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในใจเราทำให้หวั่นไหว กลับเป็นศัตรูที่คอยทำร้ายเรา ความเบื่อหน่าย ความเกียจคร้าน ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอิจฉาริษยา อวิชชา* ที่เกิดขึ้นในใจกลับเป็นศัตรูที่คอยทำร้ายเราตลอดเวลา

สรุปว่า ศัตรูที่แท้จริงที่จะทำลายเราได้ไม่ใช่ศัตรูภายนอกที่ไหน มันคือ “ตัวของเราเองนี่แหละที่ทำลายความเป็นตัวตนของเรา”

*อวิชชา คือ ความไม่รู้ คือ ไม่รู้ในอริยสัจสี่ มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

วันพุธ, สิงหาคม 06, 2551

ความทรงจำ

ความผูกพันระหว่างธรรมชาติและชีวิตเกาะเกี่ยวกันมาแต่ดึกดำบรรพ์











ผูกพันเกาะเกี่ยว ....ถ่ายที่ทุงค่าย











เหนือจินตนาการ .......เรือนยอดไม้ที่ทุ่งค่าย









ทองขาวเพื่อนกัน..พวกกัน

ความสวยงามของจิตใจผู้คน...เพื่อนร่วมงาน...
ความสวยงามของธรรมชาติ...ฝากไว้ในความทรงจำของฉัน

โต๊ะทำงานของฉัน

หน้าห้องทำงาน

อาคารอำนวยการ


วิมานคนตรัง .....ที่อบอุ่นร่มเย็น

ราชรถสองล้อ จักรยานคู่ใจ

แท่นบรรทมบรมสุข

ธรรมชาติที่ร่มรื่น มองเห็นต้นสาคูในสระน้ำ


เรือนโบราณบ้านคนตรัง
ราชรถหลายล้อ

วันอังคาร, สิงหาคม 05, 2551

เทือกเขาบรรทัด

ในวัฒนธรรมไทย ชื่อคน ชื่อสิ่งของชื่อสถานที่ ชื่อสื่อความหมายในสิ่งนั้นๆ เช่นชื่อเทือกเขาบรรทัดแสดงว่าเทือกเขานั้นมีลักษณะเป็นแนวตรงคล้ายบรรทัด ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้น เทือกเขาบรรทัดแนวเทือกเขาเป็นแนวตรงพาดจากทิศเหนือไปทางทิศใต้กั้นทะเลสองฟากทางทิศตะวันออกคือทะเลฝั่งอ่าวไทยเป็นที่ตั้งจังหวัดสงขลาและพัทลุง ทางทิศตะวันตกคือทะเลฝั่งอันดามันเป็นที่ตั้งจังหวัดตรังและสตูล สรุปแล้วสี่จังหวัดนี้หันหลังผิงเขาหันหน้าลงทะเลนับว่าถูกหลักฮวงจุ้ยตามความเชื่อของคนไทยเชื้อสายจีน ทำอะไรก็เจริญ ค้าขายก็ก้าวหน้า ทำสวนยาง สวนปาล์มราคาก็ดี ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส ตื่นตัดยางตั้งแต่ตีสาม เช้าก็ส่งน้ำยางไปขาย สายก็ไปแข่งนกกรงหัวจุก บ่ายๆมีเวลาจูงวัวชนไปออกกำลัง วิถีชีวิตการเป็นอยู่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรม อีกมุมหนึ่งของชาวประมงชายฝั่ง มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ตีสามผู้ชายออกเรือไปหาปลากลับมาบ่ายสามโมง ผู้หญิงและเด็กๆเก็บปลาจากอวนไปขาย ผู้ชายผ่อนคลายความอ่อนล้า..จิบน้ำชา..โกปี้..สิ่งที่พบเห็นเป็นวิถีชีวิตที่ดูแล้วมีความสุข อยากเห็นภาพของประเทศไทยเป็นเช่นนี้ตลอดไป อยากเห็นประเทศไทยมีป่ามีเขาเป็นเกราะกำบัง อยากเห็นฝั่งทะเลมหาสมุทรเป็นแหล่งอาหาร อยากเห็นท้องนาเหลืองอร่ามไปด้วยข้าว อยากเห็นฟ้าสีครามสดใสไร้มลพิษ อยากบอกว่า”รักประเทศไทยจังเลย”

วันเสาร์, สิงหาคม 02, 2551

พิพิธภัณฑ์"ยิ้มสยาม"

ณ พ.ศ.2570 เด็กและเยาวชนกลุ่มหนึ่งเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ยิ้มสยามอย่างเงียบ ๆ ในพิพิธภัณฑ์ยิ้มสยามมีภาพของคนไทยในอดีต ยิ้มแย้ม แจ่มใส มีการช่วยเหลือเอื้ออาทร มีภาพการลงแขก (เอาแรงซึ่งกันและกัน) ทำนา มีภาพการแลกเปลี่ยนสิ่งของ เช่น ภาพการบรรทุกเกลือไปแลกข้าว ภาพการนำเกวียนบรรทุกตุ่มใส่น้ำไปแลกน้ำตาลมะพร้าวแลกน้ำมันยาง ภาพทุกภาพของคนไทยมีแต่รอยยิ้ม............ยิ้มที่ปรากฏออกมาจากดวงตาของคนไทยทุกคน

“รอยยิ้มสยามเริ่มหายไปจากประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2551.... สังคมไทยเริ่มต้นตัดสินเหตุการณ์และเรื่องราวต่าง ๆ โดยอ้างกฎหมายอ้างหลักนิติธรรม การฟ้องร้องคดีความเกิดขึ้นอย่างมากมาย การแบ่งพรรคแบ่งพวกเกิดขึ้นทุกแห่งหน คนไทยดูคล้ายว่าจะมีศัตรูอยู่รอบตัว หลักคุณธรรมและวัฒนธรรมที่เคยมีเคยเอื้ออาทรต่อกันใช้ไม่ได้ ไม่มีการไกล่เกลี่ย ไม่มีการเจรจา ไม่ออมชอม ไม่รู้จักคำว่าสมานฉันท์ ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้จึงทำให้ “รอยยิ้มสยาม” หายไปจากคนไทย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา”

คำบรรยายทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งที่วิทยากรนำชมพิพิธภัณฑ์ยิ้มสยาม บรรยายให้เด็กและเยาวชนกลุ่มหนึ่งฟังใน วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2570

วันพุธ, กรกฎาคม 23, 2551

"ทะเลบัน"มนต์เสน่ห์แห่งป่าแอ่นฟ้าเคราขาว

สองวันที่ผ่านมา แวะไปเยี่ยมพรรคพวกเพื่อนกันที่จังหวัดสตูลที่จริงแล้ววัตถุประสงค์ในการไปคือ การไปพบปะเพื่อเชิญชวนคณะครูและนักศึกษาที่สนใจธรรมชาติสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่องนก มาร่วมเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้หัวข้อ “นกและธรรมชาติ” ในงานสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติที่ศูนย์วิทย์
เพื่อน (ผอ.สุรชัย) ดีใจที่มาหาพาไปทานข้าวเที่ยง กับข้าวอร่อยมาก แกงส้มปลารสชาติเยี่ยมสุดๆ และไข่ฟูจานเด็ดทอดใส่จานแล้วเหมือนเค้กก้อนหนึ่งอร่อยจริงๆ ช่วงเวลารับประทานอาหาร ผอ.สุรชัยโทรศัพท์พูดคุยกับคณะครูและกลุ่มนักศึกษาที่เข้มแข็ง รับนัดเข้าร่วมงานเสวนาจำนวน 40 คน วัตถุประสงค์การมาจึงบรรลุตามเป้าหมายงานเสร็จแล้ว
หลังรับประทานอาหารเจ้าบ้านพามุ่งสู่ทะเลบันอุทยานแห่งชาติที่สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การมาอุทยานแห่งชาติทะเลบันครั้งแรก เหมือนต้องมนต์เสน่ห์ รู้สึกสุขใจอย่างบอกไม่ถูก ประทับใจในความสวยงามของ “พูพอน” ต้นไม้ (ส่วนของรากที่แผ่เป็นปีกรอบโคนต้นไม้) ในอุทยานแห่งชาติเกือบทุกต้น ที่บ่งบอกถึงความพยายามในการยึดเกาะบนพื้นดินที่ส่วนล่างเป็นหินให้ยอดสามารถรับแสงได้
เหนืออื่นใดคือการได้พบ “เจ้าแอ่นฟ้าเคราขาว” ซึ่งเป็นนกแอ่นฟ้าชนิดหนึ่งที่พบเฉพาะภาคใต้ทางฝั่งอันดามัน เกาะนิ่งบนกิ่งไม้ตาย เสน่ห์ของเจ้าแอ่นฟ้าเคราขาวอยู่ที่เคราทั้งสองริ้วที่อยู่เหนือตาและใต้ตา แม้จากทะเลบันมาแล้ว แต่มนต์เสน่ห์แห่งป่าเรียกร้องให้กลับไป สัญญากับตัวเองว่า “เราจะกลับสู่มนต์เสน่ห์ของทะเลบันอีกครั้ง ในไม่ช้านี้”

วันพฤหัสบดี, มิถุนายน 26, 2551

ยางยอดฉัตร

ย่างเข้าสู่เดือนกรกฎาคม ภาคใต้ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน วันนี้มีจังหวัดเคลื่อนที่ ผู้ว่าราชการ
จังหวัดมอบหมายให้ทุกหน่วยงานของจังหวัดลงพื้นที่ไปบริการประชาชน ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา นำนิทรรศการและข้อมูลเกี่ยวกับไบโอดีเซลไปให้ความรู้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา ที่สนใจ
ช่วงระยะเวลาที่เดินทาง มองออกไปเห็นต้นไม้เขียวชอุ่มขึ้นอยู่ทั่วไป ดูแล้วช่างสดชื่นคิดอยากให้ต้นไม้เขียว ๆ เช่นนี้มีไปทั่วโลก โลกทั้งโลกจะได้เป็นโลกสีเขียว อุณหภูมิของโลกจะได้ลดลง ผู้คนจะได้ใจเย็นลง
รถวิ่งผ่านไปได้สักระยะหนึ่ง กลับพบต้นยางนาต้นหนึ่ง อยู่ริมถนนสูงตระง่าน เป็นรูปฉัตร ลำต้นตรง สวยงามมาก อายุประมาณ 50 ปี นึกจินตนาการถ้าเวลาผ่านไปอีก 50 ปี ยางยอดฉัตรต้นนี้จะยังคงความเขียวชอุ่มให้โลกอยู่ไหมหนอ คงมีคนอ้างความจำเป็นที่ต้องตัดยางยอดฉัตรต้นนี้แน่แน่

วันพุธ, มิถุนายน 25, 2551

“จะพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องและคงทนได้อย่างไร”

ในวันประชุมปฏิบัติการ การวางแผนการดำเนินงานการศึกษาตามอัธยาศัย ได้พบปะนักวิชาการ นักคิดหลายท่านในวงการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จากการพูดคุยได้รับโจทย์ใหญ่ว่า "นายเคยเป็นผู้บริหารสถานศึกษามาหลายแห่ง ดูเหมือนว่าทุกแห่งที่นายทำ องค์กรมีการพัฒนามีผลงานเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี "แต่อยากถามนายว่า "ควรจะทำอย่างไรให้การพัฒนาเกิดขึ้นมีความต่อเนื่องและคงทนแม้ว่าจะต้องเปลี่ยนผู้บริหารไปก็ตาม" หลังจากได้รับโจทย์คิดอยู่เป็นเดือนว่าจะตอบคำว่า "การพัฒนาที่ต่อเนื่องและคงทนได้อย่างไร" นับว่ายากยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลองตอบตามแนวทางที่ตนเคยปฏิบัติซึ่งทุกประเด็น มีคำตอบซ่อนไว้ในตัวมันเองเมื่อเราได้ปฏิบัติมันไปแล้ว

ประเด็นที่ 1 ผู้บริหารต้องรู้พื้นที่ ลงพื้นที่ การลงพื้นที่ร่วมกับทีมงานเป็นการบ่งบอกถึงความตั้งใจที่จะรับรู้ เข้าใจถึงความต้องการ ปัญหาอุปสรรคของกลุ่มเป้าหมายและจะพบเห็นศักยภาพของชุมชนเพื่อการนำไปออกแบบกิจกรรมและการวางแผนได้ ทั้งยังได้ความรู้สึกที่ดีจากผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งมองว่า ผู้บริหารรับรู้ความทุกข์ยากของเขา ทำให้เขามีแรงบันดาลใจในการทำงาน ตัวอย่างการลงพื้นที่ที่ดียิ่งคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ท่านปฏิบัติให้พสกนิกรดูเป็นแบบอย่างมาโดยตลอดระยะเวลาอันยาวนาน

ประเด็นที่ 2 การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรมีทั้งผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ ผู้บริหารจำเป็นต้องนำทำร่วมกับทีมเป็นการสอนงาน ภายใต้ความพร้อมของบริบทนั้น ๆ ว่าเหมาะสมเพียงใด มีปัจจัยอะไรบ้างที่เกื้อหนุนให้กิจกรรมนั้นสำเร็จ หรือมีปัจจัยอะไรที่เป็นอุปสรรค เพื่อหาทางปิดช่องว่างร่วมกันระหว่างผู้บริหารและทีม การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ผู้บริหารอาจนำทำในช่วงแรกเริ่ม เมื่อเวลาผ่านไปทีมงานจะสามารถเป็นผู้ออกแบบกิจกรรมได้ ภายใต้หลักการที่ได้นำทำไว้

ประเด็นที่ 3 การวางแผนอย่างมีส่วนร่วม ที่จริงแล้วการวางแผนอย่างมีส่วนร่วมมักจะเกิดขึ้นในช่วงการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แล้ว เพราะมีการพูดคุยเสวนากันทั้งผู้บริหารและทีมงานเพื่อหาความเหมาะสม มีการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรค และใช้ศักยภาพที่เกื้อหนุนให้เกิดความสำเร็จ การวางแผนจึงเป็นแผนในจินตนาการ เป็นแผนที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร ถ้าต้องการให้เป็นหลักการก็กำหนดเป็นแผนงานที่แต่ละคนกำหนดการปฏิบัติให้ตนเองภายใต้ช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการความสำเร็จร่วมกันได้

ประเด็นที่ 4 การปฏิบัติจริง งานจะสำเร็จได้ต้องมีการปฏิบัติจริง ในช่วงเวลาปฏิบัติทีมงานอาจประสบปัญหาอุปสรรค ผู้บริหารต้องมีความละเอียดอ่อนในการแก้ไขและตัดสินใจ ใช้ความนุ่มนวลใช้กัลยาณมิตรในการทำงานทั้งกับทีมงานและเครือข่าย โดยมีความสำเร็จเป็นเป้าหมายปลายทาง ถนอมน้ำใจซึ่งกันและกันอาจถือคติ “ได้ใจ ได้งาน” ทุกคนก็จะมีความสุขในการทำงาน

ประเด็นที่ 5 การทบทวนการปฏิบัติงานเพื่อการพัฒนา (AAR = After Action Review) ผู้บริหารควรกระทำทุกครั้งหลังปฏิบัติภารกิจใด ๆ อาจทำทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกครั้งที่กิจกรรมกำลังดำเนินไป เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาให้ทันต่อเหตุการณ์ การทำ AAR ผู้บริหารต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังทุกคนในทีมแล้วจึงแก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมต่อเหตุการณ์ร่วมกัน

ประเด็นที่ 6 รางวัล คำชื่นชม การเยี่ยมเยือน ของผู้บริหารถือเป็นรางวัลและของขวัญที่ดีต่อทีมงาน มนุษย์ทุกผู้คนที่ทำความดี ทำงานหนัก ทำงานสำเร็จ เขาต้องการให้ผู้อื่นทำตามให้ช่วยกันทำความดี หากผู้บริหารได้ชื่นชมเยี่ยมเยือนเขา เขาเหล่านั้นคาดหวังว่าผู้บริหารที่ดีจะนำความดีที่เขาทำไปกล่าวถึงในที่ต่าง ๆ เพียงนี้ก็ถือว่าเป็นรางวัลแห่งความดีได้

ทั้งหกประเด็นสรุปอีกครั้ง การลงรับรู้ข้อมูลของพื้นที่ การออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ การวางแผนอย่างมีส่วนร่วม การปฏิบัติจริง การทำ After Action Review และการให้รางวัลคำชมการเยี่ยมเยือน เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนที่ได้รับจากการทำงานให้ประสบความก้าวหน้า รวมถึงการสร้างและพัฒนาทีมงานสู่ความยั่งยืนได้ในระดับหนึ่ง

วันจันทร์, มิถุนายน 23, 2551

กฎหมายภูมิปัญญา

ตอนสมัยเป็นนักเรียนมัธยม คุณครูสอนเรื่องกฎหมายที่มีอยู่ในแต่ละประเทศจะมีสองประเภท หนึ่งเป็นกฎหมายที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อีกประเภทหนึ่งไม่มีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น ของประเทศอังกฤษ ตอนนั้นคำถามที่ก้องอยู่ในหัวเราคือ “ไม่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วมันจะรู้ได้อย่างไรนะ” ฟังคุณครูอธิบายต่อ “กฎหมายที่ไม่มีการบันทึกมันเป็นประเพณี” ดูเหมือนว่าจะเข้าใจขึ้นอีกหน่อย แล้วเรื่องนี้ก็ลืมเลือนหายไป....

วันหนึ่งเมื่อมีโอกาสได้ไปเที่ยวสวนยาง ไปดูการทำกิจกรรมในสวนยาง พบว่า สวนยางนับเป็นพันพันไร่ซึ่งมีหลายเจ้าของ มีทางรถยนต์สายเดียวตัดเข้าไปในสวนยางใช่ร่วมกัน สวนยางแต่ละแปลงเขามีหลักเขตแบ่งกันอย่างไรจึงไม่มีปัญหาเรื่องอาณาเขตที่ดิน ได้พูดคุยซักถามว่า “เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสวนไหนเป็นของใคร ดูต้นยางพาราเต็มไปหมด” ได้รับคำอธิบายว่า สวนยาง แต่ละสวนนั้นเขาจะปลูกต้นยางพาราเป็นแถวแต่ละแถวไม่ตรงกันกับของเพื่อนบ้านในแปลงใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็นด้านใดของสวน ปัญหาเรื่องความขัดแย้งจึงไม่มี แต่ละคนก็จะรู้อาณาเขตของตนตามแถวของตนยางที่ปลูกไว้ไม่ตรงกัน.....

ใช่เลยวิธีการนี้แหละ เป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษซึ่งคิดและใช้มาช้านาน ถ้าเป็นกฎหมายก็เป็นกฎหมายที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร เป็นกฎหมายของการปฏิบัติจริงที่สืบทอดกันมาเป็น “กฎหมายภูมิปัญญา”

ยางยอดด้วน

ดินฟ้าอากาศของจังหวัดตรัง อาจกล่าวได้ว่า ตรัง มีฤดูกาลเดียวคือ ฤดูฝน เพราะทุกเดือนในรอบปีไม่มีเดือนไหนที่ฝนไม่ตก ด้วยเหตุนี้จังหวัดตรังจึงอุดมสมบูรณ์ปลูกต้นไม้อะไรก็จะงอกงาม มีโครงการปลูกต้นยางนารินถนน ต้นยางนาเติบโตและสวยงามมาก แต่จะพบว่ายางนาเกือบทุกต้น เป็นยางยอดด้วน จากการถูกตัดยอดความสูงของต้นยางนาอาจเป็นอันตรายเมื่อใกล้สายไฟแรงสูงนับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง ทำให้หวลคิดถึง การดำเนินชีวิต หากไม่คิดว่างแผนในลักษณะมองตลอดมองทะลุในระยะยาวแล้ว อาจเป็นเหมือนเหตุการณ์นี้ไม่ว่าการปลูกต้นยางจะเกิดก่อนเสาไฟฟ้าแรงสูง หรือเกิดขึ้นหลังจากมีเสาไฟฟ้าแรงสูงแล้วก็ตามแต่ผลพวงต่อเนื่องนั้นอาจเป็นเหตุให้ “การดำเนินชีวิตเป็นเช่นยางยอดด้วนได้”

วัวหนึ่งพี่เลี้ยงสิบ วัวสิบพี่เลี้ยงหนึ่ง

ในชนบทของภาคใต้ ภาพที่คุ้นตา เป็นเหมือนภาพธรรมดาธรรมดาคือ ภาพรถปิคอัพบรรทุก วัวชนโดยมีไม้ไผ่สองลำ บังคับหน้าวัวชนให้มองตรงไปด้านหน้าและมีเด็กชายวัยรุ่นประมาณสิบคน ยืนขนาบข้างวัวไปในรถด้วย วัวชนเขาแหลมเฟียวจะทำหน้าดุดุ หายใจดังดัง ฟืดฟืด ฟาดฟาด ดูหน้าเกรงขามมีอำนาจ นี่คือภาพเหตุการณ์ “วัวชนหนึ่งพี่เลี้ยงสิบ” พี่เลี้ยงจะคอยเอาใจหาหญ้าดีดีให้กิน พาออกกำลังกาย อาบน้ำทำความสะอาด ดูแลอย่างดีก่อนการแข่งขัน หากชนแล้วชนะพี่เลี้ยงวัยรุ่นก็จะได้คนละ 200-300 บาท

อีกภาพหนึ่งในท้องนา เป็นภาพวัวกับเด็กวัยรุ่นเหมือนกัน ต่างกันที่มีวัยรุ่นเพียงคนเดียว ต้อนวัวสิบ ยี่สิบตัวไปตามทุ่งนาเพื่อหาหญ้ากิน วัวเดินไปเป็นฝูง ดูธรรมดาธรรมดา ไม่น่าเกรงขามอะไร เย็นลงก็เดินกับคอกหลับนอนเป็นวิถีชีวิต สรุปว่า “ต่างเหตุการณ์ ต่างอารมณ์ สังคมก็เป็นเช่นนี้เอง”

วันจันทร์, มิถุนายน 16, 2551

ข้าวต้มถวายในหลวง

ต้มข้าวใส่ข้าวแต่น้อยแต่พอเพียง ใส่น้ำเย็นเป็นน้ำใจ ใช้พายอันเดียวคอยเคี่ยวคน
เคี่ยวช้าช้าให้ข้าววนข้าวต้มปนด้วยสามัคคี ใส่ฟืนทีละท่อนไฟจะร้อนแต่พอดี
รักและสามัคคีทำความดีเพื่อพ่อเรา
พัดไฟไปใจครุ่นคิด ใครถูกผิดอย่าใส่ใจ เป้าหมายข้าวต้มไง เราตั้งใจถวายเสวย
วันนี้ท่านเหนื่อยล้ารอเวลาข้าวต้มสุก เฝ้ามองดูลูกลูกจะเคี่ยวสุกถึงเมื่อใด
มาเถิดเลือดบรรพบุรุษ มาหยุดแบ่งแยกความคิด พาชาติพ้นวิกฤตเป็นนิมิตแห่งคนดี
มีคนอีกหมู่มากที่ทุกข์ยาก รอบารมีเมตตา พระผู้ดั่งเทพเทวา รอปวงประชาถวายความรัก

วันเสาร์, มิถุนายน 14, 2551

โลกเปลี่ยนแปลงเมื่อมุมมองเปลี่ยนไป


วันที่อากาศสดใสเมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า จะเห็นเมฆเกาะเกี่ยวกันเป็นกลุ่มก้อน แสงแดดที่สาดส่องเกิดเป็นมิติสวยงามเป็นธรรมชาติที่ดูแล้วไม่เบื่อ...
แต่ความรู้สึกหนึ่งบอกว่าเราเป็นเพียงธุลีที่ถูกครอบคลุมและกดทับด้วยหมู่เมฆ ความเป็นตัวตนดูเบาบางขาดความมั่นคง
บ่ายวันนี้อากาศสดใสเราเดินทางกลับสู่จังหวัดตรัง โดยเครื่องบินนั่งริมหน้าต่างมองออกไปเห็นกลุ่มเมฆอยู่ต่ำกว่าสายตา เมื่อแสงแดดกระทบเมฆ
เกิดภาพที่สวยงามเหนือจินตนาการ เหนือคำบรรยายกว่าเมื่อเรามองเมฆอยู่บนพื้นดินทำให้รู้สึกพองโตมีพลังในตัวตนอย่างบอกไม่ถูก
ภาพที่ปรากฏก่อให้คิดไปว่า "นี่หรือที่เรียกว่ามุมมองเปลี่ยน ทำให้ความรู้สึกและสิ่งที่เห็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง" ทำให้อดคิดถึงเหตุการณ์ในสามจังหวัด
ชายแดนใต้ของประเทศไทยว่า "หากว่าเรามาเปลี่ยนมุมมองใหม่เป็นมุมมองที่เห็นความสวยงามของกันและกัน โลกแห่งสันติสุขก็น่าจะเป็นของทุกชีวิต โลกจะมีแต่รอยยิ้มมิใช่คราบน้ำตา"

วันอังคาร, มิถุนายน 03, 2551

อาณาจักรทับซ้อน กระเต็นอกขาว/กินปลีอกเหลือง

บริเวณ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง ในพื้นที่กว้างกว่า 30 ไร่ จึงเต็มไปด้วย กลุ่มไม้ใหญ่ กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ เช่น เฟื่องฟ้า เข็ม ดาหลา บานบุรี ธูปจีน ซึ่งมีดอกรูปทรงกระบอกมีน้ำหวานอยู่ภายใน มีสระน้ำขนาดใหญ่ สองสระพร้อมเกาะกลางน้ำ ศูนย์วิทย์จึงมีนกอาศัยอยู่หลากหลายชนิด เช่น นกกินปลีอกเหลือง ครอบครองอาณาจักรเพียงต้นเฟื่องฟ้า บานบุรี และธูปจีน บินไป บินมา หากินน้ำหวานอยู่เพียง 3 ต้น เท่านั้นแหละ หากว่ามีนกกินปลีตัวอื่น ร่วงล้ำก็ขับไล่พอเป็นพิธีบอกให้รู้ว่า บริเวณนี้เป็นของฉันนะ ส่วนเจ้านกกระเต็นอกขาว คู่หนึ่ง ทำรังอยู่ในโพรงดินที่เกาะกลางสระ ขยันตื่นแต่เช้า ฟ้ายังไม่สาง กระเต็นอกขาวคู่นี้ตื่น เตรียมออกหาอาหาร ก่อนเดินทางร้องเสียงดัง... แก๊ก...แก๊ก...แก๊ก หากินที่สระโน้น...สระนี้ อาณาจักรของกระเต็นอกขาวครอบคลุม บริเวณศูนย์วิทย์ฯ ตรัง ทั้งหมด ทั้งกินปลีอกเหลือง และกระเต็นอกขาว อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข กินปลีอกเหลืองกินน้ำหวานจากดอกไม้ กระเต็นอกขาว กินปลาเล็กจากในสระ กินพออิ่มกินอย่างพอเพียง
มืดค่ำก็พักผ่อนอยู่ในรังที่อบอุ่นแต่พอตัว นกทั้งสองชนิดไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อาณาจักรของตนเองทับซ้อนกัน ทับซ้อนกับเจ้าของบ้านที่เรียกตัวเองว่าศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาตรัง ผู้ยิ่งใหญ่
กินปลีอกเหลืองและกระเต็นอกขาวรู้แต่เพียงว่า “โลกนี้เป็นของทุกสรรพชีวิตเพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างสันติสุข” หากมนุษย์เข้าใจธรรมชาติเหมือนนกโลกคงจะสงบสุขปราศจากการรบฆ่า ฟัน กันนะ

ภาพประกอบ “แปง” ถ่ายจากสถานที่จริง ศว.ตรัง ช่วงเวลาเดือน พฤษภาคม 2551

แต้วแล้วธรรมดา

ในเดือนพฤษภาคม บริเวณป่าชุมชน ป่าพรุ ป่าลุมพี หรือสวนยางของจังหวัดในภาคใต้ฝั่งอันดามัน ตั้งแต่ ระนอง ภูเก็ต พังงา กระบี่ มาถึงตรัง เราจะได้ยินเสียงนกชนิดหนึ่งร้องก้องกังวาน ฟังว่า “ แต้วแล้ว...แต้วแล้ว ” หรือ “กอหลอ...กอหลอ” คือเจ้าแต้วแล้วธรรมดา เป็นนกอพยพทำรังวางไข่ ที่มีสีสันสวยงามมากเริ่มจาก หัวสีดำ คิ้วน้ำตาลแกมส้ม คอขาว ลำตัวด้านบนเขียวไหล่และตะโพกสีฟ้าสด ลำตัวด้านล่างสีเหลืองไพล กลางท้องถึงก้นสีแดง ปลายปีกขาวขณะบินเห็นชัดเจน เมื่อเกาะกิ่งไม้ลำตัวจะตั้งชันดูสง่างาม
ฟังดูแล้วน่าหลงใหลเจ้าแต้วแล้วธรรมดาเสียแล้วซิ หากสนใจเพียงมี Binoculars (กล้องส่องทางไกล) คล้องคอ หมวกอีกหนึ่งใบ ไปหาความสุขให้ชีวิตจากธรรมชาติ ที่ให้ความจริง ความสงบ ณ ชายฟ้าทะเลอันดามัน ภาคใต้ของประเทศไทยเรา

เรื่องเก่าเล่าขานตำนานวัดเขาขุนพนม

ความเชื่อของชาวพุทธตั้งแต่พุทธกาลถึงปัจจุบัน ในเรื่อง พญานาค ไม่เคยเสื่อมคลาย เราจึงมักเห็นพญานาคตามจินตนาการของศิลปินผู้ศรัทธาปั้นไว้ในที่ต่างๆ แต่ที่ดูมีพลัง สวยงามคงจะเป็นบริเวณบันไดนาคที่ทอดขึ้นสู่ยอดเขาที่มี เจดีย์ วัด ถ้ำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติธรรม ของผู้ทรงศีลในอดีต
ที่วัดเขาขุนพนม อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช มีบันไดนาคที่สวยงามและแปลกกว่าสถานที่อื่น บันไดที่ทอดยาวขึ้นสู่ถ้ำ จำนวน 245 ขั้น ด้านซ้ายปั้น “นาคา” มีเศียรเจ็ดเศียรต่ำลงมาจากเศียรจะมีอักษร(ฯ) “นะโม” ทั้งเจ็ดเศียร บริเวณเศียรทั้งเจ็ดมารวมกันเป็นตัว “นาคา” จะปั้นพระปิดตาไว้ ด้านขวามือเป็น “นาคี” เราสามารถแยก “นาคา” “นาคี” จากเคราใต้คางของพญานาคด้านซ้ายมือ
พญานาคแห่งเขาขุนพนม สวยงามมากทั้งสง่างาม มีความหมายมีพลังซ่อนอยู่ น่ากลัว น่าเกรงขาม ขณะเดียวกัน ก็ดูมีเมตตา น่าศรัทธา ดูลึกลับ ซ่อนเรื่องราวบางสิ่งบางอย่างในอดีตไว้ ดั่งคำเล่าลือของชุมชนเกี่ยวกับ “การเสด็จมาทรงผนวชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ ที่แห่งนี้” ซึ่งเป็นอดีตกาลที่ผ่านมากว่า 180 ปีแล้ว